กกต.โต้ไม่จริง ปมสำนวนฮั้วเลือก สว.ได้ไปต่อหรือไม่อยู่ที่ "แสวง" ชี้ทุกขั้นตอนพิจารณายึดความเป็นอิสระ-ไม่แทรกแซง-เป็นธรรม ยันทุกสำนวนมอบรองเลขาฯ มีความเห็นสั่งรับ-ไม่รับก็ต้องเสนอ กกต.พิจารณาทุกกรณี
วันนี้ (10มี.ค.) สำนักงานกกต. ชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาคำร้องคดีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) อีกครั้ง หลังสื่อสำนักหนึ่งนำเสนอบทความหัวข้อ"คนนี้ใหญ่มาก"โดยระบุทำนองว่า"9 เดือนที่ผ่านไป กกต. ได้สั่งยกคำร้องฮั้วเลือกตั้ง สว. ไปอย่างเงียบๆ ถึง 284 เรื่อง เหลือคำร้อง ที่ยังค้างอีก 287 เรื่อง โดยยังค้างอยู่ที่คณะอนุกรรมการอีก 100 เรื่อง และยังรอให้ “นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.” สั่งการอีก 106 เรื่อง ถ้าเลขา ฯ กกต. สั่งยกคำร้องก็จอดป้าย ดังนั้นคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. จะได้ไปต่อหรือไม่อยู่ที่ เลขา ฯ กกต. ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลขา ฯ กกต. ใหญ่กว่าประธาน กกต. โดยสำนักงานกกต.ยืนยันว่าข้อเขียนดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทั้งนี้กกต. ได้ออกระเบียบกกต.ว่าด้วย การสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 ซึ่งการพิจารณาคำร้อง/สำนวนคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับหรือการเลือกสว.จะยึดหลัก1.ความเป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อกัน
2.หลักการไม่แทรกแซง ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใด ไม่สามารถแทรกแซงในระหว่าง การพิจารณาทำคำร้อง/สำนวน ในทุกขั้นตอน
3.หลักความเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และหลักฐานเกี่ยวกับคำร้อง/สำนวน และรวบรวมพยานหลักฐานจนสิ้นกระแสความ
4. หลักการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ทุกคำร้อง/สำนวน จะนำเข้าที่ประชุม กกต. เช่น คำร้องที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน สั่งไม่รับคำร้อง หรือยกคำร้อง ไม่ว่าชั้นใด ต้องเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาทุกคำร้อง/สำนวน
ส่วนขั้นตอนการพิจารณาคำร้อง/สำนวนมี 4 ขั้นตอนคือ1.สำนักงานกกต.ประจำจังหวัด เมื่อคณะกรรมการ สืบสวนและไต่สวน ได้รับสำนวนแล้ว ให้ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนและจัดทำความเห็น เพื่อเสนอให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมีความเห็นประกอบสำนวน เมื่อดำเนินการ แล้วเสร็จ ให้จัดส่งสำนวนไปยังสำนักงานกกต.ส่วนกลางโดยเร็ว 2.เมื่อสำนักงานกกต.ส่วนกลาง ได้รับสำนวนแล้ว ให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวน ดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำ ความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก และเลขาธิการกกต.(รองเลขาธิการกกต.ที่ได้รับมอบหมาย) 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งเมื่อได้พิจารณาแล้วจะทำความเห็น และสำนักงานกกต.เสนอสำนวนให้กกต.พิจารณา 4 เมื่อกกต.ได้รับสำนวน จากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็ว
สำหรับการสั่งและทำความเห็นของเลขาธิการกกต. ได้มีคำสั่งสำนักงานกกต.มอบหมายงานให้รองเลขาธิการ กกต. จำนวน 2 คน ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. ในการสั่งหรือทำความเห็น ในสำนวนการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองของการเลือกตั้ง ทุกระดับ การเลือกสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งได้ถือปฏิบัติตามลักษณะดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด กรณีคอลัมน์ดังกล่าวเขียนว่า “มีสำนวนยังค้างเติ้งอยู่ที่คณะอนุกรรมการอีก 100 เรื่อง ยังรอให้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. สั่งการอีก 106 เรื่อง ถ้าเลขา ฯ กกต. สั่งยกคำร้องก็จอดป้าย" ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะรองเลขาธิการ กกต. ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. จะเป็นผู้สั่งแทน แม้ว่ารองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่แทน จะสั่งสำนวนอย่างไร เช่น ไม่รับคำร้อง หรือยกคำร้อง หรือมีการสั่งสำนวนในขั้นตอนใด ต้องเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ทุกกรณี