xs
xsm
sm
md
lg

ปมร้อนข่าวลึก : ยุทธศาสตร์ '3 ไม่' พรรคส้มเอาหล่อ ระวังพันคอตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ปมร้อนข่าวลึก : ยุทธศาสตร์ '3 ไม่' พรรคส้มเอาหล่อ ระวังพันคอตัวเอง

ห้วงเวลายังมีสนามเลือกท้องถิ่นให้ชิงชัยกันประปรายอย่างจังหวัดเชียงราย กำลังจะมีการเลือกตั้งนายเทศมนตรีนครเชียงราย โดยเป็นอีกสนามที่พรรคประชาชนอยากจะปักธงเช่นกัน ถึงขนาดที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ต้องเดินทางไปเปิดตัว นายศราวุฒิ สุตะวงศ์ ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ด้วยตัวเอง

โดยในโอกาสนี้เองหัวหน้าพรรคประชาชนได้ประกาศยุทธศาสตร์การเลือกตั้งส.ส. ในปี 2570 พร้อมกันไปเลยทีเดียว ภายใต้ยุทธศาสตร์ '3 ไม่' คือ ไม่รับเงินทอน ไม่ทำงานการเมืองสืบสายเลือด และไม่ยอมจำนน

"เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อีกหนึ่งครั้ง จากเดิมที่ไม่เคยมีรัฐบาลของประชาชน ไม่เคยมีรัฐบาลที่เห็นความต้องการของประชาชน ในการเลือกตั้งระดับประเทศครั้งหน้า พรรคประชาชนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จะตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดให้กับประชาชน" คำประกาศจากผู้นำฝ่ายค้านฯ

การประกาศเช่นนั้นต้องยอมรับว่าน่าเซอร์ไพร์สไม่น้อย เพราะเป็นการประกาศยุทธศาสตร์แบบมองข้ามช็อตไปไกลพอสมควร ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกตั้งใหม่เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าปัจจุบันสถานะทางการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลค่อนข้างจะมีง่อนแง่นพอสมควรก็ตาม เพราะถึงอย่างไรเสีย สุดท้ายแล้วพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะเจรจาผลประโยชน์ลงตัวเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ให้นานที่สุดอยู่ดี

มองกลับมาที่สถานะของพรรคประชาชนเองก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนัก เนื่องจากยังต้องผจญกับคดีความที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หากวันดีคืนดีป.ป.ช.ชี้มูลความผิดขึ้นมา และส่งคดีให้อัยการนำฟ้องศาลฎีกาประทับฟ้องขึ้นมา ย่อมเป็นผลให้ส.ส.ของพรรคกว่า 20 ชีวิต ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที

พอเห็นแบบนี้แล้ว อาจเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนควรต้องมีกลยุทธ์เพื่อปลุกใจกองเชียร์ด้อมส้มว่าพรรคประชาชนจะยังเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป โดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ว่าอนาคตชะตากรรมของส.ส.ที่มีคดีจะต้องลงเอยแบบใดก็ตาม เพราะปัจจุบันไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากระแสของพรรคประชาชนเองก็เบาลงไปพอสมควร หลังจากความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปจากการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งล่าสุด

อย่างไรก็ตาม การประกาศยุทธศาสตร์ '3 ไม่' ของหัวหน้าพรรคประชาชน จะว่าไปแล้วก็เปรียบเสมือนเป็นดาบสองคมเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคประชาชนเองก็มีปัญหาในการคัดกรองผู้สมัครส.ส.พอสมควร หลายคนภาพลักษณ์ดูดีและมีการศึกษาสูง แต่ได้เป็นส.ส.เข้ามาทำงานในสภา ปรากฏว่าลายเริ่มออก อีกทั้งมีการถูกขุดวีรกรรมสีเทาในอดีตออกมาแฉ จนพรรคประชาชนต้องขับพ้นพรรคเพื่อลดกระแสต่อต้าน ทำให้ต้องเสียที่นั่งส.ส.ในสภาฯไปโดยไม่จำเป็น

นอกจากนี้ การประกาศเช่นนั้นในบางข้อ ก็เหมือนจะเป็นการเอาเนคไทมาผูกคอตัวเองให้แน่นจนหายใจไม่ทั่วท้องมากนัก โดยเฉพาะคำประกาศที่ว่า "ไม่ทำงานการเมืองสืบสายเลือด " ซึ่งในแง่นี้หมายถึงการไม่เล่นการเมืองแบบบ้านใหญ่นั่นเอง แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ประกาศเช่นนั้น แต่มีปัญหาว่าการปฏิเสธบ้านใหญ่แบบสิ้นเชิงนั้น จะพาพรรคประชาชนไปถึงฝั่งได้หรือไม่ เพราะบ้านใหญ่ในแต่ละพื้นที่ก็ไม่ได้มีเพียงบ้านเดียว บางบ้านอาจมีคนรุ่นใหม่ที่อยากก้าวข้ามระบบบ้านใหญ่แบบเดิม แต่ก็ถูกปฏิเสธจากพรรคประชาชน

ดังนั้น การประกาศยกระดับเพดานมาตรฐานทางการเมืองของพรรคประชาชนให้สูงขึ้นไปอีก จึงเหมือนประหนึ่งการเอาระเบิดเวลามาวางไว้ที่พรรคประชาชน เพราะถ้าถึงจุดหนึ่งพรรคประชาชนก้าวพลาดขึ้นมา เจอโดนเท้าเหยียบซ้ำน่าจะมีมากกว่ามือของกองเชียร์ที่คอยโอบอุ้ม
กำลังโหลดความคิดเห็น