xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงไก่” ข้าราชการหัวใจจิตอาสา ใช้เวลาว่างนอกเวลาราชการ นำสิ่งของ-อุปกรณ์การเรียนไปช่วยเหลือเด็กโรงเรียนขาดแคลน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 พาคุณผู้ชมไปที่ จ.พิษณุโลก เพื่อรู้จัก “ลุงไก่” ข้าราชการหัวใจจิตอาสา ใช้เวลาหลังเลิกงานหรือก่อนเริ่มงาน ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจนำสิ่งของไปช่วยเหลือเด็กยากไร้ในโรงเรียนที่ขาดแคลน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยและไม่หวังสิ่งตอบแทน



เฉลิมเกียรติ ลมลอย หนุ่มใหญ่วัย 54 เจ้าของฉายา “ลุงไก่ ซานตาคลอส” แม้จะมีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบจากการเป็นข้าราชการ ตำแหน่งเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญงาน รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก แต่ลุงไก่ยังมีงานจิตอาสาที่มุ่งมั่นทำมา 25 ปีแล้ว คือขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจนำสิ่งของ ขนม อุปกรณ์การเรียน หรือแม้แต่ทุนการศึกษา ไปมอบให้เด็กในโรงเรียนที่ขาดแคลน เพราะลุงเคยยากจน เมื่อถึงวันที่มีกำลัง จึงพร้อม”


“เรียนดีมาตลอด จนกระทั่งพอถึง ม.6 ก็มีการสอบรับราชการที่จะไปทำงานด้านเกี่ยวกับงานธนาคารเลือดของ รพ. ผมจำได้ว่า มีผู้สมัคร 1,117 คน ได้ทำงานตั้งแต่ปี 2531 วันที่ 1 ก.ค.2531 จนถึงปัจจุบัน”


ได้คลุกคลีกับเด็ก เห็นสภาพเด็กยากจน เดินหน้าช่วยเหลือ โดยมีภรรยาเป็นแรงสนับสนุน!

“ผมได้คนที่เป็นครูมาเป็นภรรยา ท่านก็ได้ไปบรรจุเป็นข้าราชการครูที่กำแพงเพชร เลยมีโอกาสได้เทียวไปหาคุณครูบ่อยๆ เทียวไปอยู่ด้วย ไปคลุกคลีอยู่กับเด็ก ในสภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นบ้านนอก เป็นชนบท เด็กพวกนี้ขาดแม้กระทั่งอาหารกลางวัน อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และเงินที่จะใช้จ่ายมาโรงเรียน เลยเห็นว่า โห เราทำยังไงจะช่วยเด็กพวกนี้ได้บ้าง ก็เริ่มด้วยการใช้เงิน 1,000 จากเงินเดือน ก็ซื้อพวกผลไม้ ไอติม อะไรต่างๆ มาให้เด็กกินในวันเด็กเมื่อปี 2544 เป็นกิจกรรมแรกๆ ที่ทำอย่างเป็นทางการ บางที่ถ้าเด็กเยอะ แล้วของไม่พอ เราจะตัดขนมออก แล้วไปซื้อข้างหน้า เพราะ 1 ไม่เป็นภาระในการหิ้ว 2 ทำให้คนพื้นที่เขาขายได้”


“สมัยก่อนผมเข้าใจว่า ผมเคยดูในหนัง โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่ผุๆ พังๆ เด็กนั่งเรียน โน่นร่วงนี่ร่วง หลังคารั่ว แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แล้ว สมัยนี้ สพฐ. มีงบในการสร้างตึกให้หมดแล้ว แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยเลยคือ เรื่องของสิ่งที่จุนเจือการศึกษาให้เด็กๆ ค่าหัวเรื่องอาหารกลางวัน ทุกวันนี้เด็กจะได้ค่าหัว 22 บาทขั้นต่ำ ผมว่า คือรัฐบาลจุนเจือการศึกษาไทยได้ไม่เต็มที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มันน้อยเกินไป น้อยทุกอย่าง”


ด้าน “ชิดชไม ลมลอย” ภรรยาลุงไก่ เผยว่า งานจิตอาสานำสิ่งของไปช่วยเหลือเด็ก สามีไม่ได้ทำเพียงลำพัง แต่ยังมีเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์จากสื่อสังคมออนไลน์ร่วมด้วย


“ในเรื่องของทุนที่จะนำมาซื้อของไปให้กับเด็กเหล่านี้ นอกจากจะเป็นทุนของภายในครอบครัว ส่วนตัวแล้ว เราก็มีเพื่อนๆ ของลุงไก่ คือ เวลาเขาต้องการที่จะไปโรงเรียนนี้ เขาก็จะลงในเฟซลงในไลน์ เพื่อนฝูงกลุ่มเฟซกลุ่มไลน์ก็เห็น แล้วเราก็นำสิ่งนั้นไปมอบให้กับเด็กนักเรียน”


ลุงไก่ เผยว่า ตั้งแต่ทำงานจิตอาสานำสิ่งของไปช่วยเหลือเด็กๆ จนถึงปีนี้ 25 ปีแล้ว รวม 344 โรงเรียน หากนับเป็นกิจกรรมก็มากกว่า 600 กิจกรรม ซึ่งลุงไก่ยืนยันว่า ทุกครั้งที่ทำงานจิตอาสา ไม่เคยเบียดบังเวลางานราชการที่รับผิดชอบอยู่


“มันจะมีโรงเรียนที่อยู่ใกล้ โรงเรียนที่อยู่ไกล ปกติเรารับราชการ เราเข้างาน 8 โมงครึ่ง โรงเรียน เด็กจะเข้าแถว 8 โมง เพราะฉะนั้นถ้าโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ เราก็จะเดินทางช่วงเช้า ออกจากบ้าน 6 โมง แจกของเด็ก 8 โมงกว่าเสร็จ ก็กลับเข้าไปทำงาน ผมกลัวที่สุดคือ เอาเวลาราชการไปทำอย่างอื่น และไม่อยากให้ใครรู้ เพราะกลัวถูกเพ่งเล็ง ซึ่งตอนหลังมีคนรู้ ผมก็ถูกเพ่งเล็งเหมือนกัน มีเจ้านายเรียกพบเหมือนกัน แต่ก็ด้วยเหตุด้วยผล ก็ไม่เคยกินเวลาราชการ ผมพูดได้เต็มปาก 25 ปีที่ผมทำกิจกรรมจิตอาสาที่ไม่เกี่ยวกับงานราชการเลยนะ ผมไม่เคยกินเวลาราชการ”


ด้าน “ประสิทธิ์ โสมเพชร” เพื่อนร่วมงานของลุงไก่ ยอมรับว่า ลุงไก่ทำงานจิตอาสาโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งเป็นที่ชื่นชมของผู้บริหารเช่นกัน“ผู้บริหารก็ทราบเรื่อง ก็มีชื่นชม เพราะลุงแกทำด้วยใจ แกไม่ได้หวังผลตอบแทน แกทำมานานแล้วเป็นสิบปีแล้ว จนเด็กบางคน ตั้งแต่อนุบาลจนจบไปแล้ว”


งานจิตอาสาที่ต้องใช้รถคู่ใจอย่างมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะในการเดินทาง เพื่อให้ถึงจุดหมาย ซึ่งมีทั้งใกล้และไกล ต้องฝ่าฝน ลม และแดด แม้อาจเหนื่อยหรือยากลำบาก แต่ลุงไก่ยืนยันว่า ทุกการเดินทางคือความสุข


“ผมมองว่าการเดินทางไปทำกิจกรรมที่มันเป็นความสุข คือการพักผ่อน ผมขี่รถ 100-200 กม. ผมไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ถามคนที่บ้านผมได้ ผมไม่เคยกลับไปบ่นว่าผมเหนื่อยเท่าไหร่ ล้าเท่าไหร่ หมดไปเท่าไหร่ เขาเห็นแต่รอยยิ้มผม”


“การเดินทางทำกิจกรรมคนเดียว มันเป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการใช้มอเตอร์ไซค์ รถเสีย ยางรั่วระหว่าง ต้องทำยังไง หนทางที่ไป ทางยากลำบาก ทางโคลน ทางดิน ทางป่าเขา มันลำบากยังไง บางครั้งเราต้องเรียนรู้ แต่เรามองว่าใจเราใหญ่ ใหญ่กว่าอุปสรรค ทำให้เรามองเห็นอุปสรรคเป็นแรงผลักดันมากกว่า ยิ่งใครบอกว่าไปยากไปลำบาก เรายิ่งอยาก มันยิ่งท้าทาย ส่วนตัวผมไม่ท้อนะ แต่คนในครอบครัวจะออกอาการเป็นห่วงมากขึ้น การเป็นห่วงมากขึ้นก็ทำให้เป็นอุปสรรคทางใจ ทำให้เขามองว่า ถ้าทำสิ่งที่ยากลำบาก แล้วต้องลำบากตัวลำบากครอบครัวจะทำทำไม ทุกวันนี้ผมเลยต้องพยายามเข้มแข็งทุกอย่าง ท้อก็ไม่พูด เหนื่อยก็ไม่บอก หมดก็ไม่บ่น”


แม้สิ่งที่ลุงไก่ทำเพื่อเด็ก เป็นการทำความดีทำประโยชน์ให้สังคม แต่ภรรยาลุงไก่ ยอมรับว่า บางครั้งรู้สึกท้อเพราะมีบางกลุ่มไม่เข้าใจ มองว่าสิ่งที่ทำเป็นการสร้างภาพ“มีบางกลุ่มบอกว่า ไปทำแบบเอาหน้าหรือเปล่า ไปทำแบบเอาแค่เป็นภาพลักษณ์หรือเปล่า เราทำจริง ทำไมต้องมีฟีดแบ็คกลับมาว่า จะต้องมาคอมเมนต์หรือมาติเราอย่างนี้ เราก็มีความคิดว่า แทนที่เราจะได้กำลังใจจากคนอื่นๆ แต่มีบางกลุ่มที่มีผลตอบรับมา ทำให้บั่นทอน เกิดความท้อว่า เราทำดี ทำไมไม่มองความดีของเรา ทำไมมองในแง่ลบ แต่เราก็คุยกันสองคน เราทำดี จะไปกลัวอะไร เราทำถูกต้อง เราจะไปกลัวอะไร เพราะฉะนั้นเราก็ทำอย่างที่เราทำมา เราไม่เอาสิ่งเหล่านั้นมาบั่นทอนและเป็นอุปสรรคในการทำงานของเรา เพื่อที่จะก้าวต่อไป เพื่อเด็กนักเรียนเหล่านั้น”


ทุกการทำงานย่อมมีอุปสรรค จะมีความสุขได้ ต้องปลอดภัยด้วย!

“มันท้าทาย จากสิ่งที่เราอยากจะไป ผมเคยรถล้ม 3 ครั้ง เคยโดนจี้ 1 ครั้ง เมื่อก่อนเราได้ยินว่า ซานตาคลอสต้องไปก่อนเด็กตื่น ออกจากบ้านตี 4 และวิ่งขึ้นเขา เจอรถปิคอัพตามหลังมา หลงดีใจ นึกว่าเพื่อนร่วมทาง สุดท้ายกลายเป็นคนมาจี้เอาเงินไป 2,000 ผมถึงบอกว่า ตอนนั้นก็ท้อเหมือนกันนะ เริ่มกลัว ตอนหลังก็บอกว่า ก็ปรับเปลี่ยนเวลาซะ อย่าเอาความมุทะลุมาสู้กับความท้าทาย เราต้องใช้เหตุใช้ผลกับตัวเองด้วย ความปลอดภัยต้องมาที่ 1 ความสุขต้องตามมา ต่อจากความปลอดภัย ถ้าเราไม่ปลอดภัยมีความสุขไม่ได้”


ภูมิใจ ทุนการศึกษาไม่เพียงต่ออนาคตเด็ก แต่สร้างเด็กให้มีหัวใจจิตอาสา!

“ปกติผมไปโรงเรียนหนึ่ง ส่วนใหญ่ผมจะมีสัมผัส 3 ครั้ง ไปครั้งแรกเรามักจะไปแจกขนม อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ไปครั้งที่ 2 อาจไปมอบทุนการศึกษา ไปครั้งที่ 3 อาจมีการเลี้ยงอาหารกลางวัน มีการเติมฝัน ถึงบอกว่า ไป 1 โรงเรียนไม่ได้ไปครั้งเดียว แต่จำนวน 344 โรงเรียนที่เดินทาง ผมนับให้เฉพาะที่มันไม่ซ้ำ มากกว่า 600 กิจกรรมนะที่ผมเดินทาง สิ่งตอบรับคือ มีโรงรียนมีกิจกรรมอะไร ก็ยังเชิญชวนเราร่วม ต้องการสิ่งใดให้เราสนับสนุน ก็ติดต่อเรามา”


“มีเด็กที่ลานกระบือคนหนึ่ง ผมให้เมื่อตอนเขา 8 ขวบ ให้ทุนการศึกษาเขา 500 บาท สมัยก่อน 500 บาทเยอะนะ เขาติดต่อมาเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วว่า ลุงไก่ครับ เขาเอารูปมาให้ดูด้วยนะ ผมเคยได้รับทุนการศึกษาจากลุงไก่ 500 บาทวันนั้น วันนี้ผมเป็นครูแล้ว ผมเอาเงิน 2,000 บาทมาสนับสนุน ให้ลุงไก่ไปให้น้องๆ เหมือนที่ให้ผม บอก หมายถึงทุนการศึกษาใช่ไหมลูก บอก ใช่ 500 วันนั้น วันนี้กลายเป็น 2,000 นะพ่อ เขาเรียกผมพ่อด้วยนะ”


ยืนยัน จะทำงานจิตอาสาเพื่อเด็กไปเรื่อยๆ ตราบที่ยังไหว!

“มีคนเคยถามว่า ทำแบบนี้จะทำถึงเมื่อไหร่ ผมว่าคนเรา ถ้าให้บอกว่าทำไปตลอด มันก็คงจะเฟคเนอะ เอาเป็นว่า ผมทำ ทุกวันนี้ที่ต้องใช้คือปัจจัย ถ้าปัจจัยมี ทำได้ทำ ลมหายใจมี ทำได้ทำ หมดลมหมดหายใจค่อยหยุดก็ได้นะ ผมบอกตัวเองอย่างนั้น หรือถ้าวันหนึ่งไปไม่ไหว เช่น อายุมากขึ้น พิการ หยุดได้ก็คงต้องหยุด แต่ในส่วนนี้ ผมเลยมองว่า หลังจากผมทำมาระยะหนึ่ง ผมมองว่า ทำไงจะมีคนที่ต่อยอดในความคิดเรา สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ก็คือการแบ่งปัน ทำยังไงเราจะสร้างจิตอาสารุ่นใหม่ขึ้นมาต่อยอด เราก็ต้องปลูกฝังเด็กๆ สอนตั้งแต่เด็กที่โรงเรียนที่ไปเลย”


เปรียบการเดินทางที่ทำเพื่อเด็กคือ “การเดินทางที่แสนวิเศษ” เพราะช่วยให้มีความสุข!

“คนเรามีวิธีการเสพความสุขไม่เหมือนกัน บางคนสุขที่จะเห็นคนอื่นดีขึ้นบ้าง สุขที่จะเห็นคนอื่นได้รับการบรรเทาขึ้นบ้าง สุขที่จะเห็นคนอื่นได้เติมเต็มขึ้นบ้าง อย่างคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา คนที่ยากจนกว่าเรา มันเป็นการเดินทางที่แสนวิเศษ คือเราเดินทางไปแล้ว เรามีความสุข เราเห็นรอยยิ้ม เห็นคำขอบคุณ มันไม่มีอะไรแลกได้”


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “การเดินทางที่แสนวิเศษ”
https://www.youtube.com/watch?v=loN8aJk9FSw


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos
กำลังโหลดความคิดเห็น