วันนี้(23 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ภายหลังเกิดเหตุรุนแรงเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่หลังจากนี้ต้องพังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้ว ปัญหาในพื้นที่เกิดมา ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ปีที่แล้ว ทางการประเทศมาเลเซียได้ประกาศปิดช่องทางข้ามแดนตามธรรมชาติ หรือ “ท่าข้าม” ริมแม่น้ำโก-ลก ที่ข้ามไปมาระหว่าง อ.สุไหงโก-ลกและใกล้เคียง กับ เมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้
หลังต้องเผชิญกับสภาพธุรกิจที่ซบเซา ทำให้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักธุรกิจ และผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก กว่า 100 คน ที่ได้รับความเดือดร้อน ต้องรวมตัวกันไปขอพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินการประสานไปยังรัฐบาลมาเลเซีย เพื่อช่วยพิจารณาผ่อนปรนเป็นการด่วน เพราะต้องยอมรับว่า จังหวัดนราธิวาสพึ่งพานักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียจำนวนมาก ที่จะเข้ามาซื้อสินค้าจากฝั่งไทย แต่เมื่อจุดผ่อนปรนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ที่ใช้สำหรับติดต่อค้าขายระหว่าง 2 ประเทศ ถูกสั่งปิดไป จึงทำให้การค้าขายชะงักไปหมด
กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าในจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ตอนนี้พ่อค้า แม่ค้า ในพื้นที่กำลังประสบกับวิกฤตอย่างหนัก เพราะนักท่องเที่ยวมาเลเซียน้อยลง วันๆ แทบจะค้าขายไม่ได้ จริง ๆ แล้วคนที่เราอยากให้มาช่วยแก้ปัญหาอีกคนหนึ่งคือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบการค้าชายแดน และการส่งสินค้าออกผ่านพรมแดนโดยตรง
“เมื่อปี 2564 จังหวัดนราธิวาสก็เคยประสบปัญหาแบบนี้ โดยที่ตนจำได้ในช่วงนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในขณะนั้น ก็ได้ลงพื้นที่มาเร่งแก้ไขปัญหาจนสามารถเปิดด่านศุลกากรตากใบและด่านบูเก๊ะตาได้้ผ่านการเจรจาของทูตพาณิชย์ประจำประเทศมาเลเซีย แต่วันนี้ปัญหาเกิดมากว่า 5 เดือนแล้ว ไม่เคยเห็นเงาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบันเลย และไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วย จึงอยากเรียกร้องให้ท่านลงมาดูแลพวกเราบ้าง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เกี่ยวกับปากท้องของชาวนราธิวาสที่จะอดตายกันหมดแล้ว”