xs
xsm
sm
md
lg

“พิชัย” ไม่เถียงเศรษฐกิจแย่ แต่ปีนี้จะดันให้โต 3% ยอมรับซื้อหนี้ทั้งระบบ 13.6 ล้านล้าน ไม่มีปัญญา เน้นช่วยรายย่อย 3 ล้านคน วงเงิน 1.2 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“พิชัย” ยอมรับ ศก.ไทย ไม่ดี โตแค่ 1.9% มานาน แต่ต้องมีความหวัง 6 เดือนผ่านมา โตถึง 3.1% ตั้งใจปีนี้ทำให้โตได้ 3% พร้อมเร่งแก้หนี้ ยอมรับซื้อหนี้ทั้งระบบ 13.6 ล้านล้าน ไม่มีปัญญา จะเลือกหนี้เสียรายย่อยประมาณ 3 ล้านคน วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ธ.ออมสิน เปิดนำร่อง 4 พันล้าน เปิด 3 วัน มีสมัครเข้ามา 4.5 แสนบัญชี

วันที่ 25 มี.ค. ในทีป่ระชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ชี้แจงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในประเด็นเศรษฐกิจ ว่า การที่ฝ่ายค้านระบุว่า เศรษฐกิจไทยดูเหมือนทุกอย่างแย่ คนไม่อาจคาดหวัง สรุปแบบนั้นไม่ได้ต้องมีความหวังแม้จะยากลำบาก ตนเห็นด้วยที่เศรษฐกิจไม่ดีมายาวนาน เพราะเติบโตแค่ 1.9% มานาน อย่างไรก็ดี การตั้งตัวเลขจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3% เพราะคาดหวัง และเชื่อว่า จะเติบโตแม้จะช้า โดย 6 เดือนที่ผ่านมา เราโต 3.1% ทำให้ต้องผลักดันไปให้ถึง

“การส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ส่งออกจำนวนมากกว่าบริโภคในประเทศ ซึ่งการส่งออกข้าวบางพันธุ์เสมอกับต้นทุน ไม่มีกำไร ขณะนี้การผลิต 17 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 11 ล้านตัน และส่งออก 6 ล้านตัน สิ่งที่ต้องทำคือ ลดการผลิตให้น้อยลง โดยใช้พื้นที่เพาะปลูกทำอย่างอื่น เช่น 14 ล้านไร่เพื่อปลูก อีก 12 ล้านไร่ต้องลดพื้นที่ปลูกข้าว ดีที่สุดคือสิ่งที่นำเข้าต้องผลิตเอง โดยดูต้นทุนการนำเข้า เช่น ข้าวโพด หากทำให้ดี จะได้ไร่ละ 15,000-16,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการ 3-5 ปีที่ต้องดูแลให้หยุดปลูก”

นายพิชัย ชี้แจงด้วยว่า การลงทุนอุตสาหกรรม นับ 10 ล้านล้านบาท ในปีเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าโครงสร้างเก่า เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีนโยบายรักษาแพลตฟอร์มเดิมและปรับเป็นไฮบริด ในรถกะบะเพื่อการขนส่ง นอกจากนั้น เรื่องการแก้ปัญหาค่าไฟแพง จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง ส่วนการกระตุ้นเศรฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ยอมรับว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ต้องหาทางให้นักท่องเที่ยวอยู่ให้นานขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่ที่ 35.5 ล้านคน ซึ่งพบว่ามีจำนวน 3 ล้านคน เข้ามาเพื่อสาธารณสุข

นายพิชัย อภิปรายต่อว่า ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนไม่อยากเรียกว่าเป็นการกระตุ้น แต่ต้องเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ วันนี้หนี้ถึงระดับที่ทุกคนรับไม่ไหว ส่วนการทำสเตเบิลคอยน์ต้องใช้ระวัง ตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่เพื่อแข่งกับ ธปท.ได้ แต่ที่ต้องทำเพื่อให้มีสภาพคล่อง และเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจีโทเคน ไม่ใช่เงินใหม่ ซึ่งใครมีสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนได้ หากเป็นแบบนี้ใครที่เงินฝาก 20,000 บาทสามารถซื้อธนบัตรรัฐบาลได้ ทั้งนี้ ธปท.ยังไม่เห็นด้วย

สำหรับเรื่องการแก้หนี้ปกติขั้นตอนทั่วไปต้องขอยืดหนี้ให้น้อยลง ยาวขึ้น ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่มีกำลัง ทั้งนี้ เป็นข้อเท็จจริงของการแก้หนี้ให้คนที่มีหนี้ไม่เยอะ เงินที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ ใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง สำหรับหนี้ที่มี 13.6 ล้านล้านบาท ไม่คิดว่าซื้อหนี้ทั้งระบบ เพราะไม่มีปัญญา ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีหนี้ที่ไม่เสียปนอยู่ จำนวน 6 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกซื้อหนี้เสียแล้ว แต่จะไม่เลือกกลุ่มที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ขนาดใหญ่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เราจะเลือกลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ กู้มากินและตามตัวไม่ได้

“หนี้ที่มีปัญหา คือ 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2 แสนล้านบาท ด้วยเงินนิดเดียวทำให้คนมีความทุกข์ ซึ่งจะทำให้หาทางละเว้นเอ็นซีบี เฉพาะกลุ่มมีรหัสพิเศษ หากหลุดพ้นต้องหาทางกู้ใหม่ คือ การให้โอกาส ส่วนจะได้กู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ วันนี้ให้ธนาคารออมสินนำร่องโดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยน้อยพบว่า เปิดได้ 3 วัน มีเข้ามา 4.5 แสนบัญชี หากควบคุมได้กำกับดีจะช่วยแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ได้” นายพิชัย ชี้แจง
กำลังโหลดความคิดเห็น