xs
xsm
sm
md
lg

“อิ๊งค์” โว “สี จิ้นผิง” ชมแก้แก๊งคอลฯ อ้างพ่อ 1 ในท็อปไม่ได้ความยุติธรรม โอดลาออกจากลูกหรือความเป็นแม่ไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นายกฯ ลุกแจงฝ่ายค้าน ฟุ้งแก้แก๊งคอลฯ จน “สี จิ้นผิง” ชม ย้ำ กิจการครอบครัวถูกต้องตาม กม. แจกเงินหมื่นตรงปกตรงเป้า ย้อนอย่าสร้างความสับสนปมชั้น 14 ไร้อำนาจสั่งการ พ้อบอกอะไรคงไม่เชื่อ รอผลแพทย์สภาเร็วๆ นี้ อ้างพ่อเป็น 1 ในท็อปไม่ได้รับความยุติธรรม โอดไม่สามารถลาออกจากลูกหรือความเป็นแม่ได้

วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้าน ที่ได้อภิปรายมาตั้งแต่ช่วงเช้า ว่า เราได้ผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วัน สื่อมวลชนมาถามในช่วงเช้า มีฝ่ายค้านฝากมาอยากให้ดิฉันพูดยาวหน่อย ก็พยายามจะชี้แจงในสาระที่สำคัญ เพื่อที่จะใช้เวลาของสภาให้คุ้มค่าที่สุด และอีกเหตุผลหนึ่งที่อยากจะบอกคือ หลายๆ ท่านที่อภิปรายไปแล้วเมื่อวาน บางคนอภิปรายในเรื่องของคนอื่นหรือในเรื่องของรัฐบาลชุดอื่น ดิฉันจึงไม่แน่ใจว่าจะตอบยังไงดี ซึ่งที่ผ่านมา มีสมาชิกอภิปรายในเรื่องการครอบครองที่ดินของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ซึ่งนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พูดในรายละเอียดไปแล้ว รวมถึงกรมที่ดิน ที่ได้ชี้แจงเรื่องการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และบริษัทของครอบครัวก็ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายในการเข้าประกอบกิจการโรงแรม ทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้นด้วยที่เขาใหญ่ ซึ่งจริงๆ หาไม่ยากอยู่ถนนธนะรัชต์เลยหาข้อมูลเพิ่มกันได้

ทั้งนี้ เพื่อกระชับเวลายืนยันสรุปตรงนี้อีกรอบ การครอบครองที่ดิน การประกอบกิจการการทำธุรกรรมใดๆ ของครอบครัวและกิจการในครอบครัวของดิฉันเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ นอกจากนั้น มีสมาชิกฝ่ายค้านอภิปรายในเรื่องของ Call Center ต้องขอบคุณมากในการติดตามข้อมูลทั้งหมด ซึ่งจริงๆ ตอนแรกดิฉันนึกว่าจะอธิบายเรื่องของประกันสังคม แต่ว่ามาอภิปรายเรื่อง Call Center


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในเรื่องของ Call Center รัฐบาลได้ปฏิบัติ การและทำไปไกลกว่านั้นเยอะแล้ว แก้ปัญหาไปได้ไกลพอสมควรแล้ว ถือว่าดี เพราะเป็นประโยชน์ในการที่ท่านได้มาช่วยสรุปข่าวด้วย การแก้ปัญหา Call Center ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ก้าวสำคัญมีการประสานมือ ประสานงานประสานแรง ประสานกำลังต่างๆกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นประเทศเมียนมาร์ จีนกัมพูชา ที่มาช่วยกันในการจับปราบ ตัดไฟและดิฉันได้มาตอบกระทู้สดแล้วในเรื่องของข้อมูล แต่เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังสั้นๆอีกครั้ง ในเรื่องการตัดน้ำมันและสัญญาณ มีคำชมจากประเทศจีนทันที ที่ดิฉันไปเจอเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดมากในเรื่องนี้อย่างรวดเร็วแลพได้รับคำชมจากสีจื้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของเราคนไทยทุกคน ขณะที่ฝ่ายจีนได้สนับสนุนเรื่องข้อมูลการข่าวต่างๆซึ่งวันนี้พูดได้ว่าปัญหา Call Center ลดลงอย่างเห็นได้ชัด มาจากความร่วมมือจากทุกประเทศ ที่เราขอความร่วมมือ อันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเกิดวิกฤตคล้ายๆ กันประเทศเพื่อนบ้านให้ความร่วมมือเราอย่างเต็มที่ในเรื่องของการซีลชายแดนอันนี้สำคัญมาก ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับประเทศเขาจริงๆ ถ้าเราทำเฉพาะประเทศเราเดี่ยวๆ จะเกิดความขัดแย้งภายในด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่ช่วยกันทำและได้ผลอย่างดีมากเราทำงานกันเป็นทีมและหวังว่าฝ่ายค้านจะเข้าใจการทำงานแบบทีมเวิร์คและให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ทางกระทรวง Digital เศรษฐกิจและสังคม โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้จัดตั้งศูนย์เอโอซี 1441 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการทำงานร่วมกัน รับแจ้งเหตุจากประชาชนตลอด 24 ชม.จำนวน 100 คู่สาย ระงับบัญชีม้า 1.92 ล้านบัญชี รวมถึงมีระบบติดตามบัญชีที่มีธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติและเพิ่มมาตรการธนาคารยกระดับการตรวจสอบเปิดบัญชีใหม่ให้มีการตรวจสอบประวัติมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันต่อไปในอนาคตในเรื่องของการเปิดบัญชีม้าได้ยากยิ่งขึ้นได้มีการให้พิสูจน์ตัวตน แสดงตัวตนขั้นตอนมากมายเพื่อให้การสร้างบัญชีใหม่ๆทำได้ยากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องซิมม้าได้กวาดล้างไปแล้ว 2.4 ล้านเลขหมายและมีการระงับซิมต้องสงสัยที่มีการใช้งานแบบผิดปกติไม่ผ่านการยืนยันตัวตนอีก 2.8 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ได้ตรวจสอบผู้ใช้ Mobile Banking ที่ลงทะเบียนหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งมีจำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย หากไม่มายืนยันตัวตนก็ไม่สามารถใช้ Mobile Banking ได้ และตั้งแต่มีมาตรการที่จริงจัง ตัดน้ำ ตัดไฟและอินเทอร์เน็ต เสาสัญญาณทั้งหมด สถิติการแจ้ง อาชญากรรมออนไลน์ของประเทศไทย ลดลง 20% โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์อย่างเดียวลดลงถึง 67% ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนลดลงกว่า 50% จากวันละ 100 ล้านบาทเหลือ 50 ล้านบาท ซึ่งเคยบอกแล้วว่าตัวเลขนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ รัฐบาลอยากทำให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะ 50 ล้านบาทก็ยังเยอะอยู่ดี ขณะนี้สิ่งที่กำลังทำและเร่งรัดอยู่และเท่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปเกือบ 2 เดือนได้มีการร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี ซึ่งตอนนี้อยู่ขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา


นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าในเรื่องของ โครงการ Digital wallet เป็นนโยบาย เรือธง ของรัฐบาล ซึ่งเรือธงลำนี้กำลังเผชิญมรสุมการคัดค้านจากหลายองค์กร แน่นอนว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นต่างๆเหล่านี้เป็นประโยชน์เรารับฟัง สิ่งที่เป็นนโยบายใหม่ๆเกิดขึ้นครั้งแรก จริงๆเราคุ้นชินกันอยู่แล้ว เพราะเราเป็นคนที่ริเริ่มอะไรใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ยาวนานขึ้นเยอะไม่ว่าจะเป็นนโยบายดีๆในอดีตที่นำกลับมาใช้ใหม่ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราไม่ได้อยากจะเอาขึ้นมาเพื่อจะเป็นการรำลึกความหลังหรืออะไร เช่น โอดอสเป็นเรื่องการศึกษา ถือเป็นสิ่งจำเป็นมากของประเทศเรา การเตรียมเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่เพื่อให้มีสกิลที่ดีพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ๆในอนาคตการจ้างงานใหม่ๆอาชีพใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เรามีการลงทุนจากต่างประเทศมากมายที่เข้ามา ตัวเลขบีโอไอก็สูงสุดในรอบ 10 ปีอันนี้ก็ต้องเตรียมประชาชนด้วยเพื่อให้เขามีการศึกษามีโอกาสที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้สำคัญถึงจะเป็นนโยบายที่เคยมีมาแล้วแต่เราพยายามเพิ่มมิติใหม่ๆเพิ่มโอกาสให้คนกลุ่มใหม่ๆเพื่อที่จะไม่เป็นคนกลุ่มเดียวหรือโอกาสกระจายไม่ทั่วถึงประชาชน อันนี้เป็นสิ่งที่เราเน้นย้ำว่าการเตรียมคนสู่โลกในอนาคตอีก 10 ปี20 ปีข้างหน้าเราจะได้มีคนที่พร้อมส่วนคนในยุคปัจจุบันเราก็พยายามจะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เวลานำบริษัทใหญ่ๆมาตั้ง เขาก็เข้ามาสอนเราด้วย เราเรียนรู้จากเขาเขาเรียนรู้จากเราเป็นทางลัดที่จะสามารถทำให้คนมีศักยภาพที่ดีมากขึ้น อันนี้จำเป็นมาก ซึ่ง Digital wallet ของเราพยายามประคับประคองอย่างดี เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป้าหมายของเราคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ฉะนั้นใน 2 รอบแรกเราจำเป็นจะต้องแจกเป็นเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน ตามข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่รัฐมนตรีได้พูดไปแล้วหลายรอบและมีการพูดว่าเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร เป็นองค์ประกอบอย่างไรทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีขึ้น และในส่วนของรอบที่ 3 ที่กำลังจะมาถึงจะเป็น Digital wallet แบบเต็มรูปแบบมีการพัฒนาระบบและจะมีการลองใช้อะไรให้ถูกต้องรัดกุมอย่างดีจะมีการเริ่มต้นจากเยาวชนอายุ 16-20 ปีมีพลังในการบริโภคและมีความตื่นตัวทางเทคโนโลยีเรียนรู้รวดเร็วเป็นกำลังสำคัญในการเรียนรู้ระบบต่างๆให้คุณพ่อคุณแม่และคนในบ้าน อันนี้เป้าหมายระยะยาวของนโยบายนี้คือการยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล ซึ่งเชื่อมั่นอย่างยิ่งภายใน 1 วาระของรัฐบาลนี้จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ปกก็ตรงเป้าก็โดน เศรษฐกิจที่วิกฤตต่อเนื่องกันมาเป็น 10 ปี หากทำแบบเดิมไม่มีวิธีการใหม่ๆ จะเป็นโอกาสที่เราพัฒนาได้ยาก ฉะนั้นต้องมีการอัพเดทวิธีใหม่ๆและแนวของเศรษฐกิจด้วยดิจิตอลด้วยก็ต้องมาควบคู่กัน

นายกกล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องชั้น 14 ทราบว่าสมาชิกฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้กับดิฉันเองเรามีความคิดเห็นที่ต่างกัน เพราะท่านเคยไปมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตร ที่ภูเก็ต แต่อย่างไรดิฉันเชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมาอธิบายดิฉันในวันนี้ด้วย
รายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้พูดไปในรายละเอียดหมดแล้ว

"ดิฉันอยากจะขอชี้แจงประเด็นในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ดิฉันยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย ก็ไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสนเหมือนกับว่าดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วและมีอำนาจในการสั่งข้าราชการหรือสั่งใครๆใดๆดิฉันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอนนั้นไม่มีอำนาจใดๆเลยและจริงๆแล้วในเรื่องความถูกต้อง และกฎระเบียบ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตามทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบเขาก็ต้องทำแบบนั้น อย่างที่บอกจริงๆการจะอธิบายอะไรแบบนี้ก็ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมายของคนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะการพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่าไปด้วยในตัว ซึ่งดิฉันเชื่ออย่างยิ่งไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีไม่มีใครอยากให้เกิดและสถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในรอบ 20 ปี ก็ว่าได้ของประเทศเราเอง ท่านคงทราบดี ถึงความยากลำบาก และพี่น้องประชาชนได้ประสบมาในเรื่องของความอยุติธรรม ถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญ เรื่องความไม่อยุติธรรมดิฉันมั่นใจว่าดร.ทักษิณคือ 1 ในคนท็อปๆที่ได้รับความไม่ยุติธรรม


ท่านได้ถูกยึดอำนาจทางการเมืองนอกจากถูกยึดอำนาจทางการเมืองยังถูกอายัดถูกยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ ดิฉันตอนนั้นอยู่มหาวิทยาลัย ทราบว่าคุณพ่อถูกลอบสังหาร แต่สมัยนั้นเครื่องมือสื่อสารไม่ดีเหมือนสมัยนี้ พอเราได้ยินมาเด็กอายุ 18-19 คนหนึ่งที่ทราบว่ามีคนตั้งใจจะสังหาร ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดี แต่ในวันนั้นก็ไม่ทราบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นได้ยินแค่ข่าวก็ต้องรออีกสักพักจึงจะทราบว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ ก็เป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งเดียวหลายครั้ง เป็นสิ่งที่เกิดความเจ็บปวดของคนในครอบครัวนอกจากนี้ต้องถูกพลัดพราก ไปไกลกันคนละประเทศเสมอ พอเวลาผ่านมาสักพัก ดิฉันพยายามเดินทางไปหาคุณพ่อบ่อยๆ เพื่อที่จะไม่คิดถึงกันมากจนเกินไป ก็ไปมาตลอดจนกระทั่งช่วงโควิดดิฉันท้องลูกคนแรก ก็ไปเหมือนเดิมเช่นกันแต่เดินทางยากนิดนึงเพราะการกักตัวช่วงนั้นการเดินทางยากลำบาก พอดิฉันบินไปช่วงนั้นท้อง 6 เดือนไปอยู่กับท่าน 1 เดือนกลับมา 7 เดือนพอดีตอนนั่งเครื่องบินเสียน้ำตากันนิดนึงไม่ทราบว่าโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ ตอนนั้นยังไม่มีวัคซีน คนที่บ้านก็เป็นห่วงเราเดินทาง ท้องโตอย่างนั้นเราจะติดโควิดมั้ย และไม่ทราบว่าโควิดมันแรงหรือเบา วัคซีนได้ไหมโรงพยาบาลไหน มีที่รักษา ก็เป็นอย่างหนึ่งที่ดิฉันผ่านมากับครอบครัวแน่นอนความไม่ยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวเราที่สนิทกันอยู่แล้วก็รักกันมากยิ่งขึ้น ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาด้วยกันเราเข้าใจซึ่งกันและกันอันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันเติบโตขึ้นมาอย่างมีสติและทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรไม่ควรซึ่งเป็นสิ่ง ที่ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันเสมอ และเป็นสิ่งที่ได้ฝึกฝนตัวเองมา สิ่งที่มีความยากลำบากก็มีข้อดีซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ

และที่ผ่านมามีสมาชิกกล่าวหาว่าคุณพ่อได้กลับมาเพราะมีการดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง 100% ไม่ใช่ความจริงเลยเพราะนี่คือการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ดิฉันเองด้วยความที่รู้จักคุณพ่อ ก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาแล้วต้องติดคุกหรือต้องถูกจำกัดที่ทางอะไรก็ตามดิฉันเป็นห่วง ก็บอกว่าไม่เป็นไรไหมอยู่เมืองนอกก็ได้เดี๋ยวเราก็เจอกันได้ แต่ท่านก็บอกว่าอยากใช้เวลาที่เหลือของท่าน ซึ่งปีนี้ 75 แล้ว อยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย อยากอยู่เมืองไทยเพราะชีวิตท่านเติบโตที่เมืองไทยมาโดยตลอด ท่านมีความรักและห่วงพี่น้องประชาชนอย่างมากคิดอะไรก็จะคิดเรื่องเศรษฐกิจคิดให้พี่น้องประชาชนรวย ดิฉันฟังท่านแล้วรู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำงานก็รู้สึกว่าจริงๆคนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้แต่ก็ยังคิดเรื่องดีๆกับคนอื่นได้อัน นี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังบวกเยอะๆในใจดิฉันคิดว่าดิฉันได้อะไรมาจากตรงนี้เช่นกัน

แน่นอนว่าถ้าวันนั้นเราทางพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันสำเร็จตั้งรัฐบาลได้ท่านเองเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนพวกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลยังไงดร.ทักษิณก็กลับมาอยู่ดีไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดยใคร อันนี้คือเรื่องจริงที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้ ส่วนเรื่องกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษอันนี้เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความซึ่งมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆที่ดิฉันขอไม่ก้าวล่วงแต่เป็นสิทธิของผู้ที่มีคดีความทุกคน ถ้าจะพูดว่าท่านป่วยจริงป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัย คุณพ่อมีอาการป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจอันนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจนถ้าดิฉันจะบอกท่านว่าคุณพ่ออายุ 70 กว่าป่วยท่านจะเชื่อดิฉันหรอไม่เชื่อหรอกป่วยจริงๆ 70 กว่าต้องได้รับการผ่าตัดพอดีช่วงนั้นติดโควิดหนักมาก น้ำหนักลดไป 10 กว่ากิโลกรัมทำให้เกิดผมร่วงอาการผมร่วง มีสกาที่ปอด ท่านจะเชื่อไหม ก็ไม่เชื่อ ถูกไหมอละคนที่อายุ 70 อัพต้องผ่าตัดและการผ่าตัดมันไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุ 20 หรือ 30 40 กว่าท่านเชื่อหรือไม่ก็ไม่เชื่อ ฉะนั้นดิฉันไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน

แต่ขณะนี้เรามีการยื่นเรื่องตรวจสอบตอบแพทย์สภา เชื่อว่าผลสรุปออกมาในอีกไม่นานนี้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งทุกท่านจะยอมรับเพราะจริงๆถามจากดิฉันอภิปรายดิฉันไป ดิฉันตอบทุกท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ก็ไม่ทราบต้องทำอย่างไร เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบ ของดร.ทักษิณในหน่วยงานต่างๆในฐานะลูกดิฉันห่วงใยแน่นอนเพราะเป็นลูกสาวที่รักคุณพ่อ ต่างประเทศอาจจะเรียกว่า Daddy 's Girl ดิฉันเป็นอย่างนั้นเลย Daddy's Girl 100% และในฐานะของนายกรัฐมนตรีดิฉันไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซง ในหน่วยงานไหนๆเลยอย่าดูถูกข้าราชการไทยอย่าดูถูกระบบกระบวนการราชการไทย สมัยนี้แล้วทุกอย่างตรวจสอบได้เพราะฉะนั้นดิฉันไม่เคยแทรกแซง กระบวนการเหล่านี้เลย

ตลอดการอภิปรายสมาชิกได้เรียกร้องให้ดิฉันลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของพวกท่านที่ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ทุกท่านทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำไม่ได้คือขอให้ดิฉันลาออกจากความเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ดิฉันลาออกไม่ได้ ดิฉันพร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่เพราะดิฉันสวมหมวกของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดิฉันทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถ แน่นอนในขณะเดียวกันดิฉันในฐานะลูกสาวดิฉันคือลูกสาวของดร.ทักษิณชินวัตร ดิฉันพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจตั้งแต่ดิฉันสามารถพูดได้และแน่นอนว่าขอให้ทุกๆท่านดูและพิสูจน์ที่ความสามารถของดิฉันและความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีหากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายใดๆขอให้วิจารณ์ในเรื่องการทำงานน่าจะเป็นประโยชน์กว่าทั้งต่อสภาแห่งนี้และต่อประเทศของเราด้วย" นายกรัฐมนตรีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น