ปมร้อนข่าวลึก : แผ่นดินไหว 28/3/68 ไทยเสียหายครั้งใหญ่ ที่สุดในประวัติศาสตร์
วันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13:20 นาฬิกา คือ วินาทีเริ่มต้นของความตื่นตระหนกของคนไทยทุกจังหวัดเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่รอยเลื่อนสกาย ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่แผ่ขยายออกมารอบทิศเป็นระยะทาง 800 กิโลเมตร ยังผลให้หลายจังหวัดในประเทศไทยรวมทั้งกรุงเทพมหานคร เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงสร้างความเสียหายชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การคมนาคม การสื่อสาร เกิดความโกลาหลอลหม่านในช่วงที่แผ่นดินสั่นสะท้านเขย่าอาคารบ้านเรือน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ จนผู้คนแตกตื่นเสียขวัญวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาสู่ที่โล่ง ขณะที่สัญญาณการสื่อสารหยุดชะงักถูกตัดขาดไปชั่วขณะ
แต่ภาพที่เขย่าขวัญคนกรุงมากที่สุดก็คือ อานุภาพของแผ่นดินไหว ทำให้อาคารสูง 34 ชั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ย่านถนนกำแพงเพชร ใกล้กับตลาดนัดเจเจมอลล์ พังถล่มลงมาในพริบตา จนเกิดเป็นพายุฝุ่นธุลีราวกับควันจากการระเบิดขนาดยักษ์ ยังผลให้คนงานก่อสร้างเสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บสูญหายถูกฝังอยู่ใต้ซากกว่า 70 คน
นอกจากนี้ ยังมีภาพที่คนกรุงไม่เคยประจักษ์ และสร้างความตื่น ตะลึงให้แก่ ผู้พบเห็น นั่นคือ คอนโดหรู หลายแห่ง ที่มีสระว่ายน้ำอยู่บนดาดฟ้า ได้กลายเป็น แอ่งน้ำตก ขนาดมหึมา ที่ปล่อยสายน้ำ พรั่งพรู ลงมาสู่เบื้องหลัง เมื่อ อาคารสูง ทั้งแท่ง สั่น สะท้านสะเทือน ราวกับถูกมือยักษ์จับเขย่า
ขณะเดียวกัน ความโกลาหลอลหม่าน ยังบังเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่ต้อง เร่งระดมการอพยพผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยวิกฤต และทารกแรกเกิดออกมาจากอาคารโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย จนทำให้เกิดวลีที่ว่า เมื่อแผ่นดินไหว แผ่ขยายพิษสงสู่โรงพยาบาล นั่นคือนาทีของการเอาตัวรอด จากภัยพิบัติอาคารถล่ม ไม่ใช่นาทีของการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
สิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เท่าที่ ประเทศไทยเคยเผชิญมา จนสร้างความเสียหายในทุกมิติ ชนิดที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแทบจะรับมือไม่ทัน
คนไทยไม่เคยเจอกับสภาพที่สะพานแขวนสั่นไหว จนผู้ขับขี่ยานพาหนะตัดสินใจเลี้ยวกลับเพราะไม่แน่ใจว่า สะพานจะขาดสะบั้นพังทลายลงสู่แม่น้ำเบื้องล่างหรือไม่
คนไทยไม่เคยเจอกับสถานการณ์ที่กำลังเดินทางอยู่ในตู้โดยสารรถไฟฟ้า แล้วจู่ๆเกิดการแกว่งตัวไปมาก่อนที่ขบวนจะหยุดนิ่ง ณ สถานีใกล้ที่สุดแล้ว ประกาศให้ผู้โดยสารลงตามมาด้วยการหยุดให้บริการทุกสาย อันเนื่องมาจากสถานการณ์แผ่นดินไหว
คนไทยไม่เคยเห็นภาพทางเชื่อมตึกสูง 2 อาคาร ถูกเขย่าจนหักสะบั้น พังพินาศลงสู่เบื้องล่างราวกับเศษอุกกาบาต ที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า
คนไทยไม่เคยเห็นพิษสงอันร้ายกาจของแผ่นดินไหว ที่ทำให้ถนนคอนกรีตยุบตัวเป็นคลื่น ไม่ต่างอะไรกับระลอกคลื่นในทะเล ยังผลให้การคมนาคมบนเส้นทางดังกล่าวหยุดชะงักรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
เราอาจอุปมาได้ว่า นี่คือสงครามธรรมชาติที่คนไทยในยุค Social Media เพิ่งเคยเผชิญเป็นครั้งแรก เศษวัสดุจาก อาคารสูงมากมาย ที่ร่วงหล่นลงมาตามท้องถนน ไม่ต่างอะไรกับเศษชิ้นส่วนโครงสร้างอาคาร ที่ถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคนไทยรุ่นปู่ย่าเคยเผชิญมา เมื่อ 80 ปีที่แล้ว
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ทำให้ นายกฯ แพรทองธาร ชินวัตร พร้อมคณะต้องบินด่วนกลับจากภูเก็ต เพื่อลงสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ หลังจากที่มีการแถลงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในกรุงเทพมหานครล่วงหน้า ก่อนขึ้นเครื่องที่จังหวัดภูเก็ต ในเวลาไม่ถึง 30 นาที หลังเกิดแผ่นดินไหว
นอกเหนือจากกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีความเสียหายเกิดขึ้นในจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือหลายจังหวัดอาทิ ที่เชียงราย บริเวณจุดก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟทางคู่เด่นชัย- เชียงราย -เชียงของ บ้านป่าแดด ม.1 ต.ป่าแดด อ.ป่าแดด แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้คานคอนกรีตขนาดใหญ่ น้ำหนักท่อนละ 10 ตัน จำนวน 20 ท่อน บริเวณสถานีรถไฟป่าแดดร่วงลงมา ทับรถยนต์จำนวน 6 คัน แบ่งเป็น รถสิบล้อ 2 คัน รถกระบะ 4 คัน จักรยานยนต์ 1 คัน โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงพักของคนงานก่อสร้าง
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งถือว่าอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ ก็เกิดความแตกตื่นโกลาหลวุ่นวายเช่นกัน ผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเชียงใหม่ ต่างพากันวิ่งหนีตายออกจากอาคาร การจราจรบนท้องถนนติดขัดอาคารสูงหลายแห่งแตกร้าว มีเศษชิ้นส่วนหล่นลงมาเช่นกัน
ที่กรุงเทพฯ ในค่ำคืนวันที่ 28 มีนาคม การจราจรบนถนนทุกสายกลายเป็นอัมพาต ผู้คนนับพันต้องเดินเท้ากลับสู่เคหะสถาน เนื่องจากรถไฟฟ้ายุติการให้บริการอย่างสิ้นเชิง และรถขนส่งสาธารณะแน่นขนัด อีกทั้งยังหายาก รวมทั้งยังมีโชเฟอร์แท็กซี่ชั่วร้ายจำนวนไม่น้อยที่ฉวยโอกาสโก่งราคา ค่าโดยสาร และปิดมิเตอร์ โดยไม่สนใจต่อกฎหมาย
ขณะเดียวกันการช่วยเหลือกู้ภัยผู้รอดชีวิต ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร สตง.ยังคงดำเนินการอย่างเร่งรีบ โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหารและพลเรือน มีการใช้ Drone ตรวจจับคลื่นความร้อนใต้ซากอาคาร ใช้สุนัขกู้ภัยเข้าร่วมค้นหา และแม้กระทั่งการใช้อุปกรณ์พื้นฐาน คือ โทรโข่งกระจายเสียงติดต่อกับผู้ที่เชื่อว่า ยังมีลมหายใจอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ก่อนที่จะพบ เสียงตอบกลับมาจากคนที่ยังมีชีวิตและร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งมือในการเจาะทะลวงรื้อถอนซากอาคาร เพื่อหาทางนำตัวผู้บาดเจ็บออกมาให้เร็วที่สุดก่อนที่เวลาจะหมดลง
แม้จะเป็นโชคดีของคนไทยที่ยังไม่มี After Shock รุนแรงที่สร้างความเสียหายซ้ำเติมเกิดขึ้นก็ตาม แต่ในส่วนของ After Shock ในมิติอื่นๆ ได้เกิดขึ้น โดยไม่อาจยับยั้งได้ อาทิการที่บริษัทไชน่าเรลเวย์ของจีน เป็นผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานสตง.ที่พังถล่ม ถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยของการก่อสร้าง
ตามมาด้วย After Shock ของวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดซึ่งเป็นตึกสูงจะมี ลูกค้ารายใหม่ที่กล้าเช่าซื้อหรือไม่ ค่านิยมของคนรวย หรือไฮโซที่ว่า คอนโดหรูสูงเสียดฟ้า คือ สิ่งบ่งบอกความเป็นชนชั้นอีลีต หรือมันจะกลายเป็นสุสานลอยฟ้าสำหรับคนเหล่านั้นในอนาคตหรือไม่
แต่ที่ขาดไม่ได้ตามประสาคนไทยสายมู ก็คือ การหยิบยกคำทำนายของหมอดูหลายคนที่เคย ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อก่อนหน้านี้ว่า จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในพม่าส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ ในปี 2568 ซึ่งทุกอย่างก็เป็นตามนั้นทุกประการ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการโยงใยไปถึงการเมืองด้วยการชี้ให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีที่เป็นคนตระกูลชิน คือ ผู้นำอาถรรพ์ ที่ ก่อให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติมาเป็นลำดับ ตั้งแต่การเกิดสึนามิในยุคผู้พ่อเป็นนายกฯ น้ำท่วมเมืองในยุคน้องสาวเป็นนายกฯ และแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในยุคที่ลูกสาวเป็นนายกฯ
แต่ไม่ว่าจะมองในมิติไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราควรกระทำก็คือ การจับมือกันไว้ให้กำลังใจกันและกันเพื่อฝ่าฟัน สถานการณ์ครั้งนี้ ไปให้ได้ ตามคำกล่าวที่มีมาช้านานว่า คนไทยไม่ทิ้งกัน