เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่าประกาศหยุดยิงชั่วคราวในวันพุธ (2) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้น และผู้รอดชีวิตต่างร้องขอความช่วยเหลือท่ามกลางสถานการณ์สับสนวุ่นวายของการแจกจ่ายความช่วยเหลือ
แผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดเมื่อวันศุกร์ทำให้อาคารต่างๆ ทั่วพม่าพังราบ และคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 3,000 คน และทำให้อีกหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่
รัฐบาลทหารกล่าวว่าจะหยุดยิงชั่วคราวตั้งแต่วันพุธจนถึงวันที่ 22 เม.ย. เพื่อให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์จากแผ่นดินไหวดำเนินการได้ง่ายขึ้น หลังจากกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ที่ต่อสู้ในสงครามกลางเมืองของประเทศที่ดำเนินมานาน 4 ปี ได้ให้คำมั่นสัญญาเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนและรัฐบาลต่างประเทศหลายแห่งได้ประณามรัฐบาลทหารที่ยังโจมตีทางอากาศ แม้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับผลพวงจากแผ่นดินไหวก็ตาม
รัฐบาลทหารระบุในคำแถลงว่าการหยุดยิงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งดำเนินความพยายามช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และการฟื้นฟู และรักษาสันติภาพและความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารได้เตือนฝ่ายตรงข้ามพวกเขาที่เป็นกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์และกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยว่ารัฐบาลจะยังคงตอบโต้การโจมตี การก่อวินาศกรรม หรือการรวมตัว การจัดตั้ง และการขยายดินแดนที่บ่อนทำลายสันติภาพ
รัฐบาลทหารยังกล่าวว่าพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะเดินทางไปกรุงเทพฯ ในวันพฤหัสฯ (3) เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดของประเทศในเอเชียใต้ รวมทั้งพม่าและไทย โดยเขาจะหารือเกี่ยวกับการตอบสนองต่อแผ่นดินไหว
การเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ของพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และถือเป็นการรัฐประหารทางการทูตอย่างหนึ่งเนื่องจากขัดนโยบายของกลุ่มภูมิภาคที่ไม่เชิญผู้นำรัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมงานสำคัญหลังจากการรัฐประหาร
นักข่าวของเอเอฟพีได้เห็นภาพที่น่าตกใจเมื่อผู้คนนับร้อยรีบเข้าไปรับความช่วยเหลือในเมืองสะกาย เมืองที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด โดยบางคนวิ่งฝ่าการจราจรเพื่อไปเข้าแถว
อาสาสมัครแจกน้ำ ข้าว น้ำมันประกอบอาหาร และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ให้กับชาวบ้านที่ร้องขอความช่วยเหลือ
“ฉันไม่เคยเข้าคิวเพื่อรับอาหารแบบนี้มาก่อน ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกกังวลนี้อย่างไร ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี” จอ จอ มา อายุ 35 ปี กล่าว ขณะอุ้มลูกสาว พร้อมถุงกาแฟสำเร็จรูปและยากันยุง
ความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมืองนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่าบ้านทุกทุก 1 ใน 3 หลัง พังถล่มลงมา และ 5 วันหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ชาวบ้านบ่นว่าไม่มีความช่วยเหลือในพื้นที่
เอ ธิ กา อายุ 63 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนสำหรับแม่ชี ที่พังราบจากแผ่นดินไหว กล่าวว่าเสบียงอาหารเหลือน้อย แต่ที่พักเป็นสิ่งสำคัญกว่า รวมไปถึงมุ้งกันยุงในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าว
หลายคนนอนบนถนนตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว พวกเขาไม่สามารถกลับเข้าไปในอาคารที่ได้รับความเสียหายได้ หรือยังคงหวาดกลัวอาฟเตอร์ช็อก
องค์การอนามัยโลกระบุว่าสถานพยาบาลที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและมีขีดความสามารถที่จำกัด แน่นขนัดไปด้วยผู้ป่วยจำนวนมาก ขณะที่เสบียงอาหาร น้ำ และยา ใกล้จะหมด
ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมเริ่มเลือนราง แต่ก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความยินดีเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชาย 2 คน ออกมาจากซากปรักหักพังของโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเนปีดอได้สำเร็จ
รัฐบาลทหารพม่าระบุในวันพุธ (2) ว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2,886 คน บาดเจ็บมากกว่า 4,600 คน และยังสูญหายอีก 373 คน
แต่จากการสื่อสารที่ติดขัดและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายทำให้ความพยายามในการรวบรวมข้อมูลและจัดส่งความช่วยเหลือล่าช้า และยังทำให้ไม่สามารถระบุขอบเขตทั้งหมดของภัยพิบัติได้อย่างชัดเจน และมีแนวโน้มว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
กลุ่มช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ระบุว่าการตอบสนองต่อแผ่นดินไหวโดยรวมถูกขัดขวางจากการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลทหารและกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านการปกครองของรัฐบาลทหาร ที่เริ่มขึ้นหลังจากกองทัพเข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564
แม้กระทั่งก่อนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ ผู้คน 3.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่นจากการสู้รบ หลายคนเสี่ยงต่อการอดอยาก ตามข้อมูลของสหประชาชาติ
เมื่อค่ำวันอังคาร (1) กลุ่มพันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ 3 กลุ่มของพม่าได้ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 1 เดือน
การประกาศของกลุ่มพันธมิตรสามภราดรภาพนี้เกิดขึ้นหลังจากกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ประกาศหยุดยิงบางส่วน
โฆษกของรัฐบาลทหารกล่าวว่าทหารได้ยิงปืนเตือนเมื่อขบวนรถกาชาดของจีนไม่ยอมหยุดรถขณะกำลังเข้าใกล้หมู่บ้านในรัฐชานที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เพื่อจัดส่งความช่วยเหลือให้เหยื่อแผ่นดินไหว
ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวใต้ซากอาคารสูง 30 ชั้น ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพังถล่มลงมาเมื่อวันศุกร์
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 22 คน และเชื่อว่ายังมีอีกกว่า 70 คน ติดอยู่ใต้ซากอาคาร.