พิษณุโลก - เปิดสวนท้าชิม “ลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 ผลไม้ GI นครพนม” ปลูกวังทอง พิษณุโลกเมืองสองแคว..จากไม้ผลคลุมแดดต้นทุเรียน ผ่านไป 5 ปีผลผลิตดีเกินคาด เก็บขายได้ถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ส่วนทุเรียนยังค่อยๆ โต
นายศุภชัย อินทรัตน์ อายุ 44 ปี เจ้าของ "ไร่อินทรัตน์" สวนผลไม้หลากชนิด เช่น อินทผลัม ส้มโอ ลิ้นจี่ ฯลฯ ได้เชิญ นายลำพูล สีหะวงษ์ นายก อบต.บ้านกลาง อ.วังทอง และชาวบ้านและนักชิมร่วมกิจกรรมวันเปิดสวน ชิม ชอป แชร์ "ลิ้นจี่" 20 เม.ย. 68 ณ. ไร่อินทรัตน์ หมู่ 21 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชุมชน
ไร่อินทรัตน์ ถือเป็นผู้บุกเบิกปลูกและจำหน่ายกล้าพันธุ์นับสิบสายพันธุ์ เช่น บาฮีแดง บาฮีเหลือง จนโด่งดังมานาน แต่ ณ วันนี้หลังจากอินทผลัมลดความร้อนแรงลง ทั้งเรื่องของราคา คู่แข่งแห่ปลูกเพิ่มในหลายสวน แม้วันนี้ผลผลิตอินทผลัมยังไม่ออกสู่ตลาด จะต้องรอกรกฎาคม เพื่อความอยู่รอดของเจ้าของสวนฯ จำเป็นต้องมีผลผลิตในผลไม้นานาชนิดออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี
นายศุภชัยเปิดเผยว่า ตนเลือกปลูกพืชเศรษฐกิจที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะ เพื่อทำให้สวนแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้บนเนื้อที่ 9 ไร่ของตำบลบ้านกลาง จึงปลูกทั้งต้นทุเรียน, ส้มโอ (ทับทิมสยาม) อินทผลัม, มะปราง และลิ้นจี่ ที่เพิ่งจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดหลังจากที่ปลูกมาแล้ว 5 ปี
“เดิมทีตั้งใจว่าจะปลูกต้นลิ้นจี่ 60 ต้น คู่กับต้นทุเรียน ลักษณะยืนคลุมต้นทุเรียน คือเอาไว้บังแดด แต่วันนี้ต้นลิ้นจี่เติบโตสูงใหญ่ เป็นร่มเงาได้ ส่วนต้นทุเรียนไม่ค่อยโต หรือโตช้า แม้บำรุงดูแลอย่างดีด้วยกันทั้งคู่”
และด้วยลิ้นจี่ที่เอามาปลูกเป็นลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 เป็นสินค้า GI ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดนครพนม มีความเฉพาะโดดเด่นเป็นพิเศษ คือมีผลขนาดใหญ่ เปลือกสีแดงอมชมพู เนื้อแน่นผลแห้ง ขาวขุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไม่มีรสฝาด ปลูกได้เฉพาะแถบอากาศร้อน ไม่หนาวเย็นเหมือนลิ้นจี่ฮงฮวย ลิ้นจี่จักรพรรดิ ทางภาคเหนือ
กระทั่งวันนี้จากสภาะอากาศร้อนแห้งแล้งเหมือนกับทางภาคอีสาน ลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ลิ้นจี่หลวงปู่จันทร์ ที่ "ไร่อินทรัตน์" กำลังออกผลผลิตแล้ว ถือเป็นสวนแห่งแรกของจังหวัดพิษณุโลกก็ว่าได้ ทั้งผลใหญ่ ออกก่อนฤดู จะทำให้ขายได้ราคาดี 150 บาทต่อกิโลกรัม
“เราเปิดให้นักท่องเที่ยวชิมและชอปในสวนเดือนเมษายนเป็นต้นไป จากนั้นเดือนกรกฎาคมก็มีผลผลิตอินทผลัมออกสู่ตลาด จากนั้นเดือนสิงหาคมเป็นส้มโอทับทิมสยาม สามารถจำหน่ายได้ เรียกว่าหมุนเวียนตลอดทั้งปี”
นายศุภชัยเผยอีกว่า สำหรับลิ้นจี่หลวงปู่จันทร์มีประวัติจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังนครพนมที่ได้ชิมลิ้นจี่ทางภาคเหนือแล้ว แล้วให้พี่ชายเอาเมล็ดไปปลูก ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์โด่งดัง ต่อมาศูนย์วิจัยพัฒนาการเกษตรจังหวัดนครพนมศึกษาวิจัยกิ่งตอนและเพาะเนื้อเยื่อจนเป็นสายพันธุ์ลิ้นจี่ชื่อดัง ได้ชื่อใหม่เป็นสายพันธุ์ นพ.1 ให้ผลผลิตลูกดกมีคุณภาพ รสชาติอร่อยและมีการขยายผลออกสู่ชุมชน
ซึ่งขณะนี้ลิ้นจี่ นพ.1 หรือลิ้นจี่หลวงปู่จันทร์ สามารถปลูกได้แล้วที่จังหวัดพิษณุโลก เปิดท้าให้ลองชิม ณ ไร่อินทรัตน์ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง พิษณุโลก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าผลผลิตจะหมด