นายกฯ แจง เลื่อนเจราภาษีทรัมป์ หลังคุยทีมล่วงหน้าสหรัฐฯ มีสาระสำคัญต้องทบทวน บอกแม้ไทยเป็นประเทศเล็ก แต่ต้องวิน-วินทั้งสองฝ่าย ยันสร้างความสมดุลสองประเทศมหาอำนาจ บอก ”ทักษิณ“ ยังไม่ทำเรื่องออกนอกประเทศไปเจรจา "ทรัมป์"
วันนี้(22 เม.ย.) เมื่อเวลา 12:05 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงเหตุผลที่เลื่อนการเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐฯ ออกไป ว่า ทางกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้มีการพูดคุยถึงมาตรการ กับทางสหรัฐฯ และเมื่อได้คุยกับทีมล่วงหน้าที่ไปคุยกับสหรัฐพบว่ามีสาระสำคัญ บางอย่างที่ให้เรากลับมาทบทวน ในการจะนำไปเจรจาและจะมีการนัดกันใหม่อีกครั้ง ส่วนรายละเอียด ทั้งหมดจะให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แถลง
ส่วนข้อเสนอของฝ่ายค้าน ที่อยากให้มีการรื้อร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 69 และพร้อมสนับสนุน หากรัฐบาลจะออก พ.ร.บ. กู้เงิน เพื่อรับมือกับมาตรการภาษีของทรัมป์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นอยู่แล้ว ต้องมาดูว่าเมื่อนำความเห็นนั้นมาประกอบกันจะเกิดผลอย่างไรบ้าง เพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาว หากมีการเปลี่ยนแปลงว่าจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ต้องขอบคุณความคิดเห็นจากฝ่ายค้านด้วย
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเจรจาด้วยตนเองหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอลองดูระดับของการเจรจาก่อนว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ส่วนตัวพร้อมอยู่แล้วที่จะไปพูดคุยเจรจา
เมื่อถามว่าหลายประเทศมีการเผยแพร่ข่าว ว่าได้ไปเจรจามาแล้ว ประเทศไทยที่ยังไม่ได้ไปเจรจาจะถือว่าช้าหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ช้าเกินไป ยังมีเวลาในกรอบ 90 วัน ซึ่งเราได้พูดคุยกับทีมเจรจา ที่เป็น Working Team อย่างไม่เป็นทางการว่า ต้องพูดอะไรบ้าง อย่างเช่นเรื่องภาษีที่เขาต้องเสียให้กับไทยแพงเกินไปหรือไม่ควรจะปรับให้สมเหตุสมผลหรือไม่ และยังมีอีกหลายประเทศด้วย ก็ยังมีเวลาที่จะปรับ ซึ่งตอนนี้ทีมทำงานอย่างละเอียด พร้อมยืนยันว่าไม่ช้าเกินไป
เมื่อถามว่าหนักใจกับสถานการณ์ขณะนี้ เมื่อประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่จริงแล้วเศรษฐกิจทั่วโลกก็ค่อนข้างลำบากฝืดเคืองเหมือนกัน เราก็ต้องค่อยๆจัดการด้วยความรอบคอบ และพูดคุยต่อเนื่อง แต่หากถามว่าลำบากใจหรือไม่ คิดว่าทีมที่ทำงานทุกคนก็ยังทำงานอยู่ไม่ได้ทิ้งไปไหน เราจึงยังอัพเดทกันอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังมีคนนอก ครม. มีนักวิชาการที่เราปรึกษา มีความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าเราทำดีที่สุดในสถานการณ์นี้
ส่วนคาดการณ์จีดีพี จะยังเป็นไปตามเป้าอยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่ายังหวังว่าเป็นไปตามเป้าอยู่ แต่รายละเอียดจะให้นายพิชัย ชี้แจงเพิ่มเติม
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการใช้กรอบอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจากับสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอันวาร์ อิบบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แบบไม่เป็นทางการ และที่จะเดินทางไปประเทศกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) ก็จะมีการพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้และจะกลับมาอัพเดทให้ฟัง
ส่วนจะต้องมีการปรับนโยบายของรัฐบาลหรือไม่โดยเฉพาะ โครงการ ดิจิทัล 10,000 บาท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่ก็ต้องดูว่าในส่วนที่เราจะปรับปรุงเราทำได้แค่ไหน แต่แน่นอนว่าเราต้องดูผู้ประกอบการและเกษตรกร
ของเราว่าที่ส่งออกไปนั้นจะเป็นอย่างไร และการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากอเมริกา จะเพิ่มช่องทางได้หรือไม่ เพื่อให้วินวินทั้งสองฝ่าย เราก็ติดตามเรื่องนี้และรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุด นั่นคือเป้าหมายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะรักษาสมดุลย์กับประเทศมหาอำนาจได้อย่างไร เพราะล่าสุดทางการจีนก็ออกมาเตือน หากยอมให้สหรัฐมากเกินไปจนกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจก็อาจจะทำให้จีนเข้ามาแทรกแซงได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพูดตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าการเจรจา ของเรากับอเมริกาแม้เราจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราต้องเจรจาให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เราไม่ได้เจรจาเหมือนเราเป็นประเทศที่เล็กมาก ต้องยอมทุกอย่างให้เขาซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้ว ทุกประเทศมีความสำคัญเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการเข้าไปคุยเราต้องมีมายด์เซ็ท ที่ว่าเราพร้อมจะให้เขาถ้าเขาพร้อมจะให้เราด้วยมีข้อเสนอซึ่งกันและกันจะต้องเป็นมายด์เซ็ทแบบนี้ ซึ่งตนก็ได้เน้นย้ำกับทีมไป และทีมก็เข้าใจว่า การไปพูดคุยกับเขาไม่ใช่การเทหมดหน้าตัก
ขณะเดียวกันทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกรของไทยก็มีความสัมพันธ์กับจีนมากเช่นกัน และประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสองประเทศมหาอำนาจ ก็อยากให้เป็นแบบนั้นต่อไป เพราะฉะนั้นทั้งสองประเทศเราต้องบาลานซ์ให้ดี
เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำเรื่องขอออกนอกประเทศ เพื่อไปพูดคุยเจรจาในเรื่องนี้แล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตอนนี้ยัง แต่ก็ได้มีการติดต่อกับทีมทำงานแบบไม่เป็นทางการอยู่เรื่อยๆ
ส่วนวันเจรจากับสหรัฐได้มีการกำหนดใหม่เมื่อไหร่ นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขึ้นอยู่ กับทีมของนายพิชัย เพราะเป็นคนคุยหน้างาน
