เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ วานนี้(22 เม.ย)ที่เมืองชัยปุระ เมืองเอกรัฐราชสถาน ระหว่างการเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ 4 วันประเดิมเซลล์ขายเครื่องบินรบล่องหนซุปเปอร์โซนิกสุดล้ำ F-35 ของสหรัฐฯให้ทดแทนเครื่องบินรบขับไล่รัสเซียของเดิมที่ใช้อยู่ ก่อนประเดิมย้ำอาจกลายเป็นฝันร้ายที่มืดมิดของมนุษยชาติของศตวรรษที่ 21 ถ้าความสัมพันธ์ US-อินเดีย ล้มเหลว
เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวานนี้(22 เม.ย)ว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ ที่มีภรรยาเชื้อสายอินเดีย อุชชา แวนซ์ ประกาศเพิ่มการขายทางด้านความมั่นคงประเทศและเครื่องมือทางพลังงานให้กับอินเดียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติระหว่างเปิดฉากการเยือนแดนภาระตะเป็นเวลา 4 วัน
โดยเขาแถลงวันอังคาร(22)อย่างขึงขังว่า ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและนิวเดลีนั้นจะเปลี่ยนศตวรรษ
แวนซ์ได้เสนอขายเครื่องบินซุปเปอร์โซนิกชั้นนำของสหรัฐฯ F-35 ให้แก่อินเดียเพื่อแทนที่เครื่องบินรบขับไล่รัสเซียคู่แข่ง
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวอย่างคาดคั้นและตรงไปตรงมาว่า “พวกเราต้องการทำงานร่วมกันมากขึ้นและต้องการให้ประเทศของท่านซื้อยุทโธปกรณ์ทางการทหารของพวกเราเพิ่มที่ซึ่งพวกเราเชื่อว่ามันยอดเยี่ยมที่สุดของประเภทนั้น”
แวนซ์เสริมว่า “ตัวอย่างเช่น เครื่องบินรุ่นที่ 5 คือ F-35 จะเพิ่มความสามารถของกองทัพอากาศอินเดียในการปกป้องน่านฟ้าของพวกคุณและปกป้องประชาชนของพวกคุณอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยแถลงต่อหน้านายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ในการแถลงข่าวร่วมกันที่ทำเนียบขาวเมื่อกุมภาพันธ์ต้นปีว่า สหรัฐฯจะขยายการส่งออกอาวุธเมดอิน USA เป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ และจะปูทางมาสู่การมอบเครืองบินซุปเปอร์โซนิกแบบล่องหน F-35 ให้แก่อินเดีย
ด้านบริษัทล็อกฮีดมาร์ตินผู้ผลิตเครื่องบินรบ F-35 ว่าเปิดเผยว่า ได้มีการหารือเกิดขึ้นสำหรับการขาย F-35 ในระดับรัฐต่อรัฐหรือ G to G
เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯมีความสัมพันธ์ระหองระแหงกับชาติพันธมิตรนาโตของตัวเองและกระทบต่อการขายอาวุธของสหรัฐฯให้ประเทศเหล่านั้นจากความวิตกในความไม่แน่นอนของประธานาธิบดีทรัมป์และหลักประกันพันธสัญญาการคุ้มครองทางการทหารรวมไปถึงนโยบายอัตราภาษีขาเข้าสหรัฐฯส่งผลทำให้ แคนาดา ที่โดนบุลลีว่าเป็น "รัฐที่ 51" ของอเมริกาและโปรตุเกสตัดสินใจชะลอการซื้อเครื่องบินรบขับไล่จากสหรัฐฯไปในเวลานี้
เดลีเทเลกราฟรายงานว่า ที่ผ่านมา "รัสเซีย" เป็นชาติส่งออกอาวุธเจ้าหลักให้อินเดียและมีความร่วมมือระหว่างการทางการทหารอย่างลึกซึ้ง โดยมีการก่อตั้งบริษัทร่วมกิจการค้าระหว่างอินเดีย-รัสเซียภายใต้ชื่อ BrahMos Aerospace โดยเป็นความร่วมมือระหว่างองค์การการวิจัยการป้องกันประเทศและการพัฒนาอินเดีย DRDO ( Defence Research and Development Organisation) (DRDO) และบริษัทอุตสาหกรรมการทหารรัสเซีย NPO
และแบรนด์ BrahMos ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันโดยมีเทคโนโลยีการทหาร "รัสเซีย" หนุนหลังส่งให้อินเดียก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกด้านอาวุธระดับโลก
ล่าสุดอ้างจากสื่อการทหารบัลแกเรียและรอยเตอร์รายงานวันนี้(23)ว่า อินเดียได้ส่งมิสไซล์ BrahMos ซุปเปอร์โซนิกร่อน(BrahMos supersonic cruise missile) ล็อตที่ 2 มายัง 'ฟิลิปปินส์' ในข้อตกลงมูลค่า 375 ล้านดอลลาร์ที่ลงนามไว้เมื่อมกราคมปี 2022
การขนส่งเดินทางมาทางทะเลหลังจากล็อกแรกได้มาถึงฟิลิปปินส์ในเมษายน ปี 2024
ทั้งนี้ในการแถลง รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ ยังตอกย้ำความสำคัญในการร่วมมือระหว่างวอชิงตันและนิวเดลีเพื่อต่อสู้ภัยคุกคามจากรัสเซีย และ จีน ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก พร้อมเตือนว่าหากความสัมพันธ์ระหว่างกันล้มเหลวจะเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นกลายเป็นฝันร้ายที่มืดมิดสำหรับเหล่ามวลมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ทีเดียว
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า รองประธานาธิบดีแถลงต่อหน้าบรรดานักธุรกิจ เจ้าหน้าที่การทูตและเจ้าหน้าที่รัฐบาลในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถานมีใจความว่า
“ผมเชื่อมั่นว่าอนาคตของศตวรรษที่ 21 กำลังจะถูกตัดสินจากความแข็งแกร่งของความเป็นพันธมิตระหว่างสหรัฐฯ-อินเดีย”
และเขากล่าวในการรายงานของเดลีเทเลกราฟว่า “ผลประโยชน์ของพวกเราในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่งคั่ง นั้นอยู่ในแนวทางเดียวกันอย่างเต็มเปี่ยม” และเสริมว่า “พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีว่าภูมิภาคต้องยังคงปลอดภัยจากอำนาจปรปักษ์ใดๆที่ต้องการมีอิทธิพลเหนือ”
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ที่เมืองชัยปุระที่สวยงามทางประวัติศาสตร์และโบราณสถานนี้ รองผู้นำสหรัฐฯประกาศว่า มีผู้นำชาติตะวันตกบางส่วนคิดว่า มนุษยชาติมักถือเป็นตัดสินใจที่เลวร้ายไม่ห่างจากห้วงหายนะ และเสริมอีกว่า “โลกกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า พวกเขาบอกกับพวกเรา เป็นเพราะพวกเรากำลังเผาผลาญเชื้อเพลิงมากจนเกินไปหรือผลิตสิ่งของมากเกินไปหรือมีลูกมากเกินไป”
เจดี แวนซ์ พบนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ในช่วงค่ำวันจันทร์(21) หารือด้านการค้าและความมั่นคงภูมิภาค พร้อมกับยกย่องโมดีว่า เป็นบุคคลที่มีความคิดอย่างลึกซึ้งต่อความมั่งและความมั่นคงของชาติอินเดียในอนาคต ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะหยุดอยู่แค่สมัยการดำรงตำแหน่งของเขาแต่ยังต่อไปจนถึงศตวรรษหน้า”
เดอะการ์เดียนรายงานว่า รองประธานาธิบดีแวนซ์ยังหยิบยกคำพูดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นสโลแกนติดปากว่า “ขุด ที่รักมาขุดกัน” (“drill, baby, drill”) พร้อมยืนยันว่า น้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สหรัฐฯส่งออกสามารถช่วยให้อินเดียสามารถรุ่งเรืองขึ้น