xs
xsm
sm
md
lg

ภูมิธรรมอ้างแก้ไฟใต้ไม่ง่าย สว.ซัดขีดเส้นตายทำให้รุนแรงขึ้น ดร.ปณิธานกาง 3 ข้อต้องทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เผยยอมรับแก้ไฟใต้ทำไม่ง่าย เพราะสะสมมานาน ย้ำไทย-มาเลเซียหาทางออกเร่งด่วนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ด้าน สว.ไชยยงค์ สงขลา ชี้การขีดเส้นตาย 7 วันไม่ช่วย แนะใช้กฎหมายก่อการร้ายเป็นเครื่องมือ แทนกฎหมายล้าหลัง ดร.ปณิธาน แนะ 3 เรื่อง ปิดแหล่งกบดาน เปิดอกคุยเรื่องการปกครอง และเพิ่มอาสาชุมชนคนรุ่นใหม่

วันนี้ (24 เม.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย จะใช้เวทีนี้เจรจาแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ ว่า ได้พูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ซึ่งปัญหาหลัก คือ ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากผลการพูดคุยของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย เพราะเป็นเรื่องที่สะสมมานาน แต่ความตั้งใจร่วมกัน คือ ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่เพื่อประโยชน์ร่วมกัน คิดว่าน่าจะเป็นอะไรใหม่ๆ ที่ดี ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้ก็มีอีกหลายเรื่องที่กำลังทำอยู่

ด้านนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสงขลา กล่าวถึงการที่นายภูมิธรรมขีดเส้นตายให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใน 7 วัน เนื่องจากปัญหาเกิดขึ้นมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เป็นเวลา 21 ปี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้สถานการณ์คลี่คลายใน 7 วัน เพราะถ้าแก้ง่าย ความรุนแรงคงยุติไปก่อนแล้ว การขีดเส้นเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ อาจจะเป็นการกดดันให้เกิดการเร่งร้อนในการสืบสวนสอบสวน จับกุม และอาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้น ทำให้สถานการณ์รุนแรงตามมา สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ต้องบูรณาการความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ และนำชุดความจริงทุกชุดของทุกหน่วยงานมาทำให้เป็นชุดเดียวเพื่อเป็นทิศทางในการแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ สิ่งที่เจ้าหน้าที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกร้อง คือ เครื่องมือในการแก้ปัญหา เช่น การออกกฎหมายการก่อการร้าย เพื่อให้ตำรวจ ทหาร มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ วันนี้ไม่ใช่สถานการณ์การก่อความไม่สงบ แต่เป็นสถานการณ์การก่อการร้าย ที่ต้องมีเครื่องมือใหม่ คือ กฎหมายการก่อการร้าย วันนี้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ที่เป็นกฎหมายล้าหลัง และเป็นกฎหมายพิเศษที่เป็นการเรียกแขกให้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ กลายเป็นการเข้าทางของขบวนการบีอาร์เอ็น ในการเรียกร้อง ร้องเรียนต่อองค์กรสิทธิมนุษย์ชน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่ เพราะกลัวถูกร้องเรียน และไม่มีใครช่วยเมื่อเกิดเหตุร้องเรียน

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยนายภูมิธรรม ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้เกือบ 2 ปี แต่ไม่กล้าตัดสินใจปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องกฎหมาย เรื่องยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ปล่อยให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และสภาความมั่นคงแห่งชาติ รำวงกันไปเรื่อยๆ เป็นการเดินบนเส้นทางเก่าที่เดินมาแล้ว 21 ปี เพื่อไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่เป็นการเดินผิดทาง เพราะ บีอาร์เอ็นใช้เส้นทางสายใหม่ในการต่อสู้กับอำนาจรัฐ การแก้ปัญหาจะพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ยังไง ในเมื่อเส้นทางที่ฝ่ายรัฐบาลเดินอยู่เป็นทางตัน แม้แต่เรื่องการเจรจาสันติภาพกับบีอาร์เอ็น นายภูมิธรรม ก็ กล้าๆ กลัวๆ ไม่มีความคืบหน้า มีแต่ประชุมรับฟังข้อมูลจากฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ แต่ไม่กล้าตัดสินใจแก้ปัญหา ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายภูมิธรรมจึงไม่ได้ผล และทำให้สถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น

ส่วน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟใต้ ระบุว่า ถ้าจะให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บ้านเกิดของพวกผมที่บรรพบุรุษได้มาตั้งรกรากนับร้อยปี สงบสุขได้จริง มีเรื่องที่เราควรจะต้องทำอย่างจริงจัง คือ 1. ปิดทางออก/ปิดแหล่งกบดานในมาเลเซียและป้องกันการแทรกแซงจากต่างประเทศให้ได้ 2. เปิดการพูดคุยเรื่องอนาคตการเมืองการปกครองในพื้นที่อย่างจริงใจกับฝ่ายการเมืองผู้กำหนดนโยบายตัวจริงของรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม และ 3. เพิ่มอาสาชุมชนคนรุ่นใหม่เพื่อร่วมมือกับจนท.เพื่อดูแลพื้นที่เป้าหมายและกลุ่มเปราะบางให้ปลอดภัย สอดส่องรายงานการทุจริตของทุกฝ่าย แก้ไขปัญหายาเสพติดและสิ่งที่ขัดกับหลักศาสนา ป้องกันการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของทุกภาคส่วน และยุติการบ่มเพาะซ่องสุมกำลังความรุนแรงและความเกลียดชังในหมู่เยาวชนคนผิดหวังกับรัฐที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ รองโฆษกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า นายภูมิธรรมได้สั่งการให้ดูแลประชาชน ผู้นำศาสนา และเยาวชนอย่างเต็มที่ สามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว โดยเหตุลอบวางระเบิดกำแพงด้านหลังสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน จ.นราธิวาส กระบวนการเยียวยาด้านทรัพย์สิน ขณะนี้กำลังดำเนินการ มีการรับรองทั้ง 3 ฝ่าย เหลือเพียงกระบวนการรับรองทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการเยียวยาในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ศอ.บต. จะดำเนินการต่อไป ส่วนเหตุลอบยิง นายอับดุลรอนิง ลาเตะ ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ทาง ศอ.บต. อยู่ระหว่างการรอพิจารณากระบวนการรับรองจาก 3 ฝ่าย เมื่อทราบความชัดเจน ศอ.บต. จะดำเนินการเยียวยาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น