กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงชี้แจงรายการ SONDHI TALK ยืนยันการจัดซื้อเรือไม่ถึงหลายร้อยล้าน ไม่พบ ไทยมารีน (ภูเก็ต) ร่วมประมูล พร้อมปฏิเสธการเมืองล้วงลูกดึงเงินอุทยานฯ และปัดรัฐมนตรีอุ้มเอกชนเข้าพื้นที่หวงห้าม
วันนี้ (26 เม.ย.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกแถลงการณ์ เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการนำเสนอข้อมูลในรายการ "SONDHI TALK" ระบุว่า ตามที่ปรากฏการนำเสนอข้อมูลในรายการ "SONDHI TALK" โดย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้มีการกล่าวอ้างถึงการดำเนินงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในหลายประเด็นนั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
"กรณีการจัดซื้อเรือด้วยงบประมาณหลายร้อยล้านบาท และระบุว่า บริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) จำกัด เข้าร่วมประมูลด้วยนั้น"
การซื้อเรือเพื่อใช้ในภารกิจการลาดตระเวน ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรทางทะเล ดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวนั้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงการกำหนดราคากลางและการจัดทำขอบเขตของงาน (TOR) เป็นไปตามมาตรฐานและคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติภารกิจ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด กระบวนการประกวดราคาจัดซื้อเรือ ได้ดำเนินการผ่านระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยกรมอุทยานแห่งชาติมีการจัดซื้อเรือ ดังนี้
1. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้มีการจัดทำโครงการจัดซื้อเรือยนต์ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 5.50 เมตร และเครื่องยนต์ไม่น้อยกว่า 100 แรงม้า จำนวน 26 ลำ ในวงเงินงบประมาณ 29,588,000 บาท เพื่อใช้ในภารกิจการลาดตระเวนทางน้ำ ดูแลรักษาปกป้องทรัพยากรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางบกที่มีพื้นที่รับผิดชอบทางน้ำซึ่งได้ตรวจรับแล้ว
2. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ได้มีโครงการจัดซื้อเรือยางท้องแข็ง ท้องเรืออลูมิเนียม ความยาวไม่ต่ำกว่า 6.6 เมตร ขนาดเครื่องยนต์ 140 แรงม้า พร้อมเทรลเลอร์บรรทุกเรือ จำนวน 40 ลำ ในวงเงินงบประมาณ 112,000,000 บาท เพื่อใช้ในภารกิจด้านการศึกษาวิจัยทรัพยากรทางทะเล การลาดตระเวนป้องกัน ปราบปรามการกระทำผิดและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเล พร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยในแก่นักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทางทะเล ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการกำหนดร่างรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์
สำหรับการกล่าวอ้างถึงงบประมาณ "หลายร้อยล้านบาท" นั้น กรมอุทยานฯ ขอชี้แจงว่า การจัดซื้อเรือในแต่ละโครงการจะมีวงเงินงบประมาณที่แตกต่างกันไปตามขนาด ความจำเป็นของอุทยานแห่งชาติ ประเภท และคุณลักษณะเฉพาะของเรือที่ต้องการ ซึ่งมีการจัดซื้อไป ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา ดังนี้
- การจัดซื้อเรือยางท้องแข็งความยาวไม่ต่ำกว่า 6.6 เมตร ขนาดเครื่องยนต์ 140 แรงม้า พร้อมเทรลเลอร์บรรทุกเรือ จำนวน 14 ลำ ในวงเงินงบประมาณ 36,400,000 บาท เพื่อใช้ในภารกิจด้านการศึกษาวิจัยทรัพยากรทางทะเล การลาดตระเวนป้องกัน ปราบปรามการกระทำผิดและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเล พร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยในแก่นักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทางทะเล
- การจัดซื้อเรือไฟเบอร์กลาสความยาวไม่ต่ำกว่า 38 ฟุต เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาดไม่น้อยกว่า 300 แรงม้า จำนวน 2 เครื่องยนต์ พร้อมเทรลเลอร์ จำนวน 9 ลำ ในวงเงินงบประมาณ 67,500,000 บาท เพื่อใช้ในการกิจการลาดตระเวนป้องกัน ปราบปรามการกระทำผิดและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเล พร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยในแก่นักท่องเที่ยว และสนับสนุนภารกิจด้านการสำรวจศึกษาวิจัยในอุทยานแห่งชาติทางทะเล
และกรณีกล่าวอ้างว่าบริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) จำกัด ยื่นประมูลนั้น จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีการยื่นเอกสารประมูลของบริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) จำกัดกับทางกรมอุทยานฯ แต่อย่างใด
ต่อมา กรณีการกล่าวอ้างว่ามีการให้นักการเมืองดึงเงินรายได้ (ซึ่งหมายถึงเงินอุทยานแห่งชาติ) ไปซื้อเรือ กรมอุทยานฯ ขอยืนยันว่า การจัดซื้อเรือหรือพัสดุใดๆ ของกรมฯ จะต้องดำเนินการภายใต้งบประมาณแผ่นดินที่ได้รับการจัดสรรประจำปี ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือใช้งบประมาณจากเงินอุทยานแห่งชาติ ต้องเป็นไปตาม ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการนำส่ง การเก็บรักษา และการใช้จ่ายเงินเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ พ.ศ. 2564 และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามระเบียบการเงินการคลังของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ไม่มีการอนุมัติหรือดำเนินการให้บุคคลภายนอกหรือนักการเมืองเข้ามามีส่วนในการดึงเงินรายได้ของกรมฯ ไปใช้ในลักษณะดังกล่าวอย่างแน่นอน
กรณีการกล่าวอ้างถึงความสนิทสนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับบริษัททัวร์ที่มีเรือและนำเรือเข้าในพื้นที่ห้ามเข้านั้น กรมอุทยานฯ ไม่มีการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เรือของบริษัทเอกชนรายใด หรือบุคคลใด เข้าไปดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ที่ได้ประกาศห้ามเข้าโดยเด็ดขาด การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ทุกระดับ ยึดถือกฎหมายและระเบียบเป็นสำคัญ หากมีการฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอยืนยันว่า การดำเนินงานในทุกภารกิจยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยมุ่งมั่นในการปกป้อง คุ้มครอง และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป และดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติซึ่งสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ระบบท่องเที่ยวในประเทศ ให้ราษฏรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐท่านรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) และรัฐบาลปัจจุบัน