ปูตินขอบคุณ สี จิ้นผิง ที่บินไปร่วมพิธีครบรอบ 80 ปีชัยชนะเหนือนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมประกาศรัสเซีย-จีนยืนหยัดสู้ “นีโอนาซี” และลัทธิทหาร ด้านประมุขแดนมังกรลั่นสองชาติกำลังร่วมกันต่อต้าน “การกระทำฝ่ายเดียวและการข่มเหงรังแก” ซึ่งเห็นชัดว่ามุ่งหมายถึงอเมริกา
มีผู้นำจากกว่า 20 ชาติ โดยบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดคือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางไปยังรัสเซียเพื่อเข้าร่วมพิธีเดินพาเหรดสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องในวาระครบรอบ 80 ปีชัยชนะเหนือนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์ (9 พ.ค.)
ก่อนหน้านั้น 1 วัน คือในวันพฤหัสบดี (8) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้พบปะหารือกับสี ที่ทำเนียบเครมลิน ในกรุงมอสโก โดยผู้นำแดนหมีขาวกล่าวต้อนรับว่า รัสเซียและจีนร่วมกันปกป้องความจริงในประวัติศาสตร์ ความทรงจำถึงเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลก และกำลังต่อสู้กับการสำแดงกำลังของกลุ่มลัทธินาซีใหม่และพวกนิยมลัทธิทหารซึ่งคลั่งไคล้การใช้กำลังอาวุธมารังแกชาติอื่นๆ
ประมุขวังเครมลินสำทับว่า ปฏิบัติการรบในยูเครนของรัสเซีย มีเป้าหมายในการกำจัดลัทธินาซีในประเทศดังกล่าว ถึงแม้เรื่องนี้ทั้งเคียฟและฝ่ายตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนต่างตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริงและไม่สมเหตุสมผล
ทางด้านสี กล่าวว่า จีนและรัสเซีย ซึ่งเป็นสองมหาอำนาจโลกและสองสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยืนหยัดเคียงข้างกันในการเผชิญหน้ากับการกระทำฝ่ายเดียวและการข่มเหงรังแกของมหาอำนาจที่ครอบงำประเทศอื่น ซึ่งคำพูดนี้ของสี เห็นชัดว่าหมายถึงอเมริกา
ผู้นำแดนมังกรเสริมว่า สองประเทศจะร่วมกันส่งเสริมมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ปกป้องอำนาจและสถานะของยูเอ็น ปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของจีนและรัสเซีย รวมทั้งประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก และสนับสนุนระบบโลกหลายขั้วที่เท่าเทียม มีระเบียบ และโลภาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ยอมรับความหลากหลาย
ทั้งนี้ นักสังเกตการณ์มองว่า การที่สีเดินทางไปร่วมพิธีฉลอง 80 ปีชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 คราวนี้ เปิดโอกาสให้ปูตินปลุกเร้าให้ชาวรัสเซียฟื้นความทรงจำถึงชัยชนะดังกล่าวซึ่ งเป็นหัวใจสำคัญของอัตลักษณ์ความเป็นชาติ ทั้งนี้ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตซึ่งมีรัสเซียเป็นพี่เบิ้มใหญ่สุด สูญเสียพลเมืองถึง 27 ล้านคน โดยที่ในจำนวนนี้ก็รวมไปถึงผู้คนหลายล้านคนในยูเครน ซึ่งเวลานั้นมีฐานะเป็นสาธารณรัฐหนึ่งในสหภาพโซเวียต
ขณะเดียวกัน ปูตินยังต้องการชูภาพตนเองเป็นผู้ปกป้องระเบียบโลกเคียงข้างประมุขจีน และแสดงให้เห็นว่า การแซงก์ชันของตะวันตกนานหลายปีไม่อาจโดดเดี่ยวรัสเซียได้
สัปดาห์ที่แล้ว ปูตินประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวในยูเครนนาน 3 วันนับจากวันพฤหัสฯ ทว่า เคียฟไม่รับปากว่า จะร่วมมือด้วยและกล่าวหาผู้นำรัสเซียพยายามสร้างภาพว่า ต้องการยุติสงคราม นอกจากนั้นยูเครนยังเรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิงอย่างน้อย 30 วัน
ทั้งสองประเทศกำลังถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันหนักให้บรรลุข้อตกลงสันติภาพ วอชิงตันยังขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะถอนตัวจากการเป็นตัวกลางการเจรจาเว้นแต่ว่า กระบวนการนี้จะมีความคืบหน้าชัดเจน
ช่วง 3 วันก่อนหน้านี้ยูเครนส่งโดรนโจมตีมอสโก แต่ในวันพฤหัสฯ บรรยากาศในเมืองหลวงของรัสเซียค่อนข้างสงบ อย่างไรก็ดี หากมีการโจมตีมอสโกระหว่างพิธีฉลองชัยชนะในสงครามโลกในวันศุกร์ซึ่งมีผู้นำจากหลายสิบชาติเข้าร่วม จะสร้างความกระอักกระอ่วนให้แก่ปูตินอย่างมาก และมีแนวโน้มว่า รัสเซียจะตอบโต้ขั้นรุนแรง
โฆษกกองทัพยูเครนเผยว่า กองกำลังรัสเซียยังคงโจมตีหลายพื้นที่ในแนวรบด้านตะวันออกของยูเครน แม้การประกาศหยุดยิงของปูตินมีผลบังคับใช้แล้วก็ตาม กระนั้น กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า ไม่มีขีปนาวุธหรือโดรนรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้านับจากคำสั่งหยุดยิงมีผล
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)