"ศุภชัย" ฝ่ายกฎหมายภูมิใจไทย กางเอกสารจากอัยการ 2 รอบ จี้ "ดีเอสไอ" ออกหมายจับนำตัว "ณฐพร" มาฟ้องศาลคดีสหกรณ์ฯ คลองจั่น ให้ทันก่อนหมดอายุความ 15 มิ.ย.นี้ ร้อง "ชูศักดิ์" สั่งการ พร้อมเรียกร้องสอบ "อธิบดีดีเอสไอ" ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
วันนี้ (27 พ.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร ฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูล พบว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือจาก นายไวยกาญจน์ จามิกรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 จำนวน 2 ฉบับ ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ฟอกเงินการขายที่ดิน ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงิน 477 ล้านบาท โดยมี นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็น 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาด้วย
นายศุภชัยกล่าวว่ส หนังสือฉบับแรก ลงวันที่ 4 ก.พ. 2568 เรื่อง “ขอให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหา” โดยมีรายละเอียดว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้ว มีคำสั่งฟ้อง นายณฐพร ผู้ต้องหาที่ 2 และผู้เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา แต่เนื่องจากนายณฐพรมีพฤติการณ์หลีกเลี่ยง ไม่มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามกำหนดนัด ด้วยเหตุดังกล่าว จึงขอให้ท่านจัดการติดตามให้ได้ตัวนายณฐพรมาฟ้องต่อศาล
หากไม่สามารถติดตามตัวนายณฐพรมาได้ ให้ดำเนินการขอออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว เพื่อให้ได้ตัวมายื่นฟ้องต่อศาล ภายในกำหนดอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ ให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน อนึ่ง คดีนี้มีกำหนดขาดอายุความในวันที่ 15 มิ.ย. 2568
จากนั้นมีหนังสือฉบับที่สอง ลงวันที่ 1 พ.ค. 2568 ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง “เตือนให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาและขอออกหมายจับ” ที่ได้ขอให้ดำเนินการจัดการให้ได้ตัวนายณฐพร และผู้เกี่ยวข้อง มาดำเนินคดี "ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน" หรือขอออกหมายจับ เพื่อพนักงานอัยการ จะได้นำตัวผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลต่อไป และบัดนี้ระยะเวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่พนักงานสอบสวนมิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด้ ทั้งมิได้รายงานหรือแจ้งผลการดำเนินการให้พนักงานอัยการทราบ เนื่องจากคดีนี้จะครบกำหนดอายุความในการกระทำความผิดตามบทกฎหมายข้างต้นในวันที่ 15 มิ.ย. 2568 ดังนั้น จึงขอให้ท่านดำเนินการจัดการให้ได้ตัว นายณฐพร และผู้เกี่ยวข้อง มาเพื่อฟ้องต่อศาล
นายศุภชัย กล่าวว่า จากเอกสารดังกล่าว ที่สำนักงานอัยการพิเศษ 4 สอบถามถึง 2 ครั้ง แสดงว่า ‘ดีเอสไอ’ เพิกเฉย ที่จะนำตัวนายณฐพรมาให้อัยการดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ทั้งที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 15 มิ.ย. 2568 และทั้งๆ ที่ดีเอสไอก็พบเห็นบุคคลดังกล่าวอยู่ตลอด โดยนายณฐพร มาปรากฎตัวยื่นร้องเรียนเรื่องตามสถานที่ต่างๆ เป็นที่รับรู้โดยตัวไป นอกจากนี้ นายณฐพรยังยืนยันด้วยว่า ได้ข้อมูลเรื่องการสอบสวนคดีฮั้ว สว. มาจากดีเอสไอ โดยแสดงเอกสารให้เห็น จึงชี้ให้เห็นว่า อธิบดีเอสไอ หรือพนักงานสอบสวนดีเอสไอ พบกับ นายณฐพร ดังนั้น การที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ไม่ดำเนินจับกุมตัวมาดำเนินคดี จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ
จึงเรียกร้องให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ดีเอสไปนำตัวนายณัฐพร เพื่อส่งให้อัยการเพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ขณะเดียวกันให้เรียกร้อง กระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันที และแถลงให้ประชาชนทราบ หากยังมีการเพิกเฉยอยู่ ตนก็จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษอธิบดีดีเอสไอ ในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อ ป.ป.ช.ในทันที