“ปู มัณฑนา” ยื่นหนังสือร้องเรียน “หนุ่ม กรรชัย - โหนกระแส” ไร้จรรยาบรรณ บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำชีวิตพินาศ ธุรกิจเสียหาย ลูก-ผัวได้รับผลกระทบ ต้องกินยาซึมเศร้า เผยโพสต์เจ้าพ่อสื่อหน้าตัวเมีย ไม่ได้หมายถึงใคร ใครอยากรับก็เรื่องของเขา ไม่พร้อมตอบเลิก “หาญส์” ด้านกฤษอนงค์พ้อออกจากคุก ศาลชั้นต้นยกฟ้องไม่มีใครรู้ ไม่มีการนำเสนอข่าวรอบด้าน
วันนี้ (30 ต.ค.) “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” พร้อมด้วย “กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์” และผู้เสียหายอีกหนึ่งราย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนสื่อไร้จรรยาบรรณ ไร้คุณธรรมและจริยธรรม สร้างความแตกแยกให้สังคม ชุมชน และครอบครัว ต่อ “นายฉัตร สุภัทรวณิชย์” ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชน ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ อาคารรัฐสภา โดย ปู มัณฑนา เผยว่าตั้งใจมาร้องเรียนสื่อรายการโหนกระแส และพิธีกรชื่อดัง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย”ที่ทำข่าวบิดเบือน ทำให้เกิดความเสียหายให้กับตนและครอบครัวเป็นอย่างมาก
“อย่างที่ทุกท่านทราบดีนะคะว่าปูโดนสื่อรายการโหนกระแสบิดเบือนข้อเท็จจริง ดำเนินรายการโดยคุณกรรชัย กำเนิดพลอยค่ะ ซึ่งคุณหนุ่ม กรรชัยพูดโกหกออกรายการ และนำคู่กรณีของปูไปบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ปูได้รับความเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก มีผลกระทบทั้งครอบครัว ธุรกิจ หน้าที่การงานหลายๆ อย่างก็อยากจะให้ทางรายการโหนกระแส ช่อง 3 และผู้บริหารบริษัท บีอีซี เวิลด์ ทุกท่านออกมาแสดงความรับผิดชอบในการที่ปูได้รับความเสียหายนะคะ
ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นค่ะ อย่างที่ทุกท่านทราบว่าเมื่อปีที่แล้วปูเจอเรื่องหนักมาก เพราะนายกรรชัย กำเนิดพลอยนำคู่กรณีไปบิดเบือนข้อเท็จจริงในรายการ ทำให้เกิดผลกระทบเยอะมาก ธุรกิจทุกอย่างพังเสียหายหมดเลย ทางด้านครอบครัว ลูกๆ และสามีได้รับผลกระทบไปด้วย และปีที่แล้วก็ป่วย น้ำหนักลดลงไป 10 กิโล เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล และเป็นโรคซึมเศร้า ต้องทานยาอยู่ค่ะ”
เผยถึง “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” คู่กรณีที่ฟ้องร้องกันเรื่องหนี้ 2 ล้าน บอกรอลุ้นศาลตัดสินเดือนหน้า
“ส่วนเรื่องของคู่กรณีมีเรื่องเดียวคือยอดเงินไม่ตรงกัน คือของเขา 2 ล้านบาท แต่ของปูประมาณ 1.5 ล้าน ซึ่งในวันไกล่เกลี่ยที่สน.ทองหล่อ เราพร้อมที่จะจ่าย แต่เขาไม่จบ ไม่รับเงิน เพราะถ้าจบในวันนั้นเมื่อปีที่แล้วทั้งคู่กรณีและทนายของเขาก็จะหมดสิทธิไปเดินสายออกรายการประจานปู เขาได้เล่นหนัง เล่นละคร แต่ของปูกลับกันคือไม่มีงานเลย ก็ลองคิดดูว่าเมื่อก่อนปูเคยเป็นอดีตนางเอก อดีตรองนางสาวไทยและขวัญใจช่างภาพปี 2541 ปูมีงานต่อเนื่องตลอด แต่พอเขามาประจานก็ทำให้ภาพพจน์เสียหาย ก็มีผลต่องานเหมือนกัน
ตอนนี้เขาฟ้องมา 10 กว่าคดีแล้วค่ะ ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีหมิ่นประมาท พ.ร.บ.เช็คผิดสัญญาเงินกู้ ก็เดี๋ยวรอศาลท่านพิพากษาวันที่ 25 พ.ย. นี้ ก็ไปรอลุ้นคำพิพากษาด้วยกันค่ะ เพราะทางลูกหมีและคู่กรณีไปแจ้งทางสน.ทองหล่อว่าเป็นการกู้ยืมเงิน แต่มาฟ้องศาลว่าเป็นการฉ้อโกง ก็งง ปูก็เลยนำหลักฐานให้ศาลท่านพิจารณา ปูสู้กลับทุกคดีค่ะ และนอกจากคู่กรณีและทนายคู่กรณีฟ้องปู ตัวนายกรรชัย กำเนิดพลอยก็ฟ้องปูเหมือนกัน ฟ้องหมิ่นประมาทปูมา 2 คดี และแจ้งความหมิ่นประมาทปูมา 2 คดี”
บอกที่โพสต์เจ้าพ่อสื่อหน้าตัวเมีย ไม่ได้หมายถึงใครเป็นพิเศษ
“ที่ปูโพสต์ว่าเจ้าพ่อสื่อ หน้าตัวเมีย มีเมียน้อย อันนี้ก็ไม่ได้หมายถึงใครค่ะ ถ้าเกิดเขาคิดว่าเป็นเขา เขาอยากจะรับก็เรื่องของเขา ที่มาร้องวันนี้ก็ไม่ได้เจาะจงเฉพาะนายกรรชัย กำเนิดพลอยอย่างเดียวนะคะ สื่อหลายๆ สื่อ เพจอวตารด้วยค่ะ ก็ไม่ทราบว่ามีใครเป็นสปอนเซอร์เพจอวตารอยู่ข้างหลังหรือเปล่า มาด่าปู ด่าลูกปู ด่าสามี ก็ทำให้เกิดผลกระทบเยอะมาก ลูกไปเรียนก็โดนบูลลี่ และหน้าที่การงานของสามีหรือธุรกิจของสามีก็มีผลกระทบ อย่างที่บอกว่าด้วยยอดของเขา 2 ล้าน แต่สำหรับปูมัน 1.5 ล้าน แต่ธุรกิจที่เสียหายตอนนี้มันเกิน 100 ล้านแล้วค่ะ
เจ้าพ่อสื่อจริงๆ ก็มีหลายตัวนะคะ ช่องน้อยสีก็มี ช่องมากสีก็มี เขาก็พยายามโทร.มาทางสามี ญาติๆ สามี อาจารย์ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช รัฐมนตรี สส. เจ้าพ่อสื่อตัวนี้มันโทร.หมด บอกว่าถ้าปูขอโทษมัน มันก็จะถอนฟ้อง แต่ปูบอกว่าปูไม่ได้ผิดอะไร ทำไมปูจะต้องไปขอโทษมัน และจะมาถอนฟ้อง ทำตัวเป็นพระเอกเหรอ ก็ไม่เคลียร์ใดๆ ทั้งสิ้นให้ศาลท่านตัดสินค่ะ สภาพจิตใจก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ค่ะ คือตัวมันทำร้ายคนอื่นได้ แต่พอใครด่ามันหรือด่าลูกเมียมันไม่ได้ มันเดือด ก็กลับกันถ้ามันฟังอยู่ มันในที่นี้ไม่รู้สื่อตัวไหนนะ ถ้ามันฟังอยู่ก็ถ้าลูกเมียมันได้รับผลประทบมันจะรู้สึกยังไง เพราะปูได้รับผลกระทบทุกด้าน พังพินาศหมดทุกอย่าง”
ไม่ขอตอบข่าวลือหมดตัว เลิกสามี บอกยังไม่พร้อม แต่ตอนนี้ยังใช้นามสกุลสามีอยู่
“ส่วนเรื่องข่าวลือต่างๆ เนี่ย พวกเพจอวตารทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นเพจท่านเปา หรือเพจอีซ้อ หรือเพจแหม่มโพธิ์ดำ มีเจ้าพ่อคนไหนเป็นสปอนเซอร์หรือเปล่า ทุกคนทราบหมด สื่ออาวุโสทราบหมด สื่อหลักสื่อใหญ่ก็ทราบหมดว่าคือใคร ก็ได้แจ้งความเพจอีซ้อ เพจท่านเปาไว้เหมือนกันค่ะ ก็ให้ทางตำรวจได้สืบว่าใครเป็นสปอนเซอร์เพจพวกนี้ค่ะ
ความสัมพันธ์กับสามีตอนนี้ ไม่ค่อยอยากพูดเลย เอาจริงๆ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นกับปู เป็นเพราะนายกรรชัย กำเนิดพลอยค่ะ ที่เขาโกหกทุกสิ่งทุกอย่าง ละเมิดสิทธิปู ศาลท่านยังไม่ตัดสินเลยว่าปูผิดหรือถูก แต่นายกรรชัย กำเนิดพลอยเป็นศาลเตี้ยพิพากษาปูแล้ว แต่เรื่องอื่นขอยังไม่พูดดีกว่าค่ะ ปูยังไม่พร้อม และกระทบกับลูกด้วย”
ด้าน “พัช กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์” บอกตนติดคุกทุกคนรู้หมด แต่ออกจากคุกแล้วกลับไม่มีใครรู้
“จุดเริ่มต้นคือทั้งประเทศรู้ว่าพัชถูกจำคุกเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ปีที่แล้ว พัชเข้าไปมาแล้ว 264 วัน แต่วันนี้สื่อและประชาชนรู้หรือยังว่าพัชออกมาแล้วถ้าไม่ได้มายื่นหนังสือวันนี้ ความเท่าเทียมความไม่เสมอภาค ความไม่สมดุลของการนำเสนอมันรอบด้านไหม พอศาลยกฟ้องได้มีการทำข่าวด้านนี้บ้างไหม วันนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องในข้อหากรรโชกทรัพย์ ตบทรัพย์แล้วเหลืออีกเพียงข้อหาเดียวคือตัวการลึกลับ ตอนนี้ก็ประกันตัวออกมาสู้ในชั้นอุทธรณ์ ยอมติดกำไล EM ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ แต่ดีกว่าต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำที่ถูกกล่าวหา ถ้าวันนี้สภาผู้แทนราษฎรเล็งเห็นและนำปัญหานี้ขึ้นมาแก้ไข มันจะสามารถสร้างความสมดุล ทำให้คนที่เป็นกลางจริงๆ ได้มองเห็นรอบด้านบ้าง
พัชถูกยกฟ้องออกมาจากเรือนจำ พัชไม่ได้โดนฟ้องคดี 20 ล้านนะคะ ทุกวันนี้คนยังเข้าใจว่าพัชติดคุกเพราะคดีนี้ แต่จริงๆ แล้ว 20 ล้านนั้นยังอยู่ชั้นตำรวจอยู่เลย ยังไปไม่ถึงอัยการ ไม่ถึงศาลเลย แต่ที่ถูกฝากขังจำคุกเพราะดิไอคอนฟ้อง 970,000 บาท ในข้อหากรรโชกทรัพย์หรือตบทรัพย์ ซึ่งเราก็สู้ ให้ตรวจทุกบัญชี ก็มีบริษัทเดียวที่ฟ้อง ทำมาเป็นร้อยบริษัท ถ้าเป็นนักตบทรัพย์จริงทำไมถึงมีแค่บริษัทเดียวที่ฟ้อง ส่วนของฟิล์ม (รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) คือพัชเป็นคู่คดีกับฟิล์ม คนจะบอกว่าพัชติดแล้ว แต่ทำไมฟิล์มไม่ติด มันคนละคดีกัน คดีพัชคือไอคอนฟ้อง แต่คดีที่เป็นคู่คดีกับฟิล์มคือคดีพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาท ที่ฟ้องโดยบอสปัญจ์และหนุ่ม กรรชัย ฟ้อง 20 ล้าน”
“นายฉัตร สุภัทรวณิชย์” ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชน เผยว่าพร้อมรับเรื่องร้องเรียนและจะนำไปพิจารณาต่อ
“ผมก็เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียนไว้นำไปพิจารณา เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการกรรมาธิการต่อไปครับ อย่างไรก็ดีเรามีความคิดเสมอว่าการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้น จุดที่เหมาะที่ควรที่เหมาะสมเป็นอย่างไร และบางครั้งมีการเลยเถิดก่อให้เกิดความเสียหาย เราเองก็อยากจะใช้กระบวนการกรรมาธิการในการที่จะมารวมกัน พูดคุยและพิจารณาทางออกที่เหมาะที่ควรในการทำงานที่ดีที่สุดของสื่อมวลชน ในอดีตเราอาจจะเคยเจอบางกรณีที่อาจจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ไปละเมิด ไปทำพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสื่อ ตรงนั้นเราเองก็ต้องเชิญสื่อและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านให้มาร่วมชี้แจงและร่วมกันแก้ปัญหา วันนี้ทางคณะกรรมาธิการก็จะรับเรื่องร้องเรียนนี้เอาไว้และจะเข้าสู่กระบวนการการพิจารณาของคณะกรรมาธิการครับ”