ทางการมาเลเซียสั่งระงับการดำเนินงานที่แหล่งแร่หายากและเหมืองแร่ดีบุก 2 แห่งทางตะวันตกของรัฐเประก์ (Perak) ระหว่างที่มีการสอบสวนข้อร้องเรียนเรื่องแม่น้ำสายหลักช่วงหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส ตามคำแถลงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โจฮารี อับดุล กานี รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ชี้แจงต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธ (19) ว่า เจ้าหน้าที่ได้เริ่มเปิดการสอบสวน หลังจากได้รับรายงานเกี่ยวกับความผิดปกติของสีน้ำในแม่น้ำเประก์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 2 บนคาบสมุทรมาเลเซีย
ผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า แหล่งแร่หายากซึ่งดำเนินการโดยบริษัท MCRE Resources Sdn Bhd มีการปล่อยของเสียซึ่งมีสีตรงกับสีของน้ำในแม่น้ำ
โจฮารี เอ่ยเสริมว่า ค่ารังสีที่วัดได้ในพื้นที่ดังกล่าวสูงถึง 13 เบกเคอเรล ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 1 เบกเคอเรลที่ได้รับอนุญาตตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการ
“ขณะนี้การสอบสวนมุ่งเน้นไปที่ประเภทของสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการทำเหมือง และข้อเท็จจริงที่ว่าสารเคมีดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลที่รายงานต่อเจ้าหน้าที่หรือไม่” โจฮารี กล่าว
MCRE ยังไม่ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับคำกล่าวของรัฐมนตรี โจฮารี
ข้อมูลบนเว็บไซต์ระบุว่า MCRE ดำเนินโครงการนำร่องขุดแร่หายากแห่งแรกในมาเลเซีย โดยใช้วิธีการที่เรียกว่าการชะล้างในแหล่ง (in-situ leaching) ร่วมกับเทคโนโลยีที่บริษัทแร่หายากของจีนใช้
มาเลเซียซึ่งมีแหล่งแร่หายากประมาณ 16 ล้านตัน กำลังพยายามแสวงหาประโยชน์จากความต้องการแร่เหล่านี้ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทว่ายังขาดความรู้ทางเทคโนโลยีในการขุดและแปรรูป
MCRE ได้เจรจากับจีนซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการขุดและแปรรูปแร่หายากเกี่ยวกับโรงกลั่นที่มีศักยภาพ และเมื่อเดือนที่แล้วก็ได้ลงนามข้อตกลงกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับการพัฒนาแร่หายาก
ในคำแถลงแยกต่างหากเมื่อวันพุธ (19) กระทรวงฯ ระบุว่าได้ออกคำสั่งระงับการดำเนินงานของบริษัท MCRE และบริษัทเหมืองแร่ดีบุก 2 แห่ง หลังตรวจสอบพบว่าบริษัทเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำทิ้ง การควบคุมการกัดเซาะและตะกอน และการจัดการสารเคมี
กระทรวงฯ ระบุว่า การระงับการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีเสียงร้องเรียนเกี่ยวกับมลพิษในแม่น้ำหลายสายในรัฐเประก์
ที่มา: รอยเตอร์