“มานพ”อดีตผบ.คุก
ฮึดสู้ ก๊อปปี้โจ๊กโมเดล
กูตาย มึงต้องตายด้วย
นายมานพ ชมชื่น ผบ.คุก ที่อื้อฉาวที่สุด ที่สร้างความเสื่อมเสียขั้นสุด ออกมาเคลื่อนไหวกร้าวๆผ่านสื่อ
เขาตอบโต้ข้อกล่าวหา เรื่องเปิดช่อง ในคุกให้นักโทษจีนเทาเสพสม ว่า เป็นเรื่องของคนดีที่ถูกกลั่นแกล้ง จากการไปโยกย้ายลูกน้อง ชั่วที่มีพฤติกรรม หาเงินส่งส่วย ให้กับบิ๊กๆในกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรม ยุติการสอบสวนเขา และต้องส่งคดีไปยัง ป.ป.ช.สถานเดียว
เรื่องนี้คนในกรมราชทัณฑ์ เห็น วิธีการตอบโต้ ของนายมานพ ชมชื่น ก็รู้เลยว่า นายมานพกําลังก๊อบปี้ "บิ๊กโจ๊กโมเดล" จากวิธีการ เอาตัวรอด คดีพัวพันส่วยและฟอกเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
ตอกย้ำความเป็นยุคเสื่อมของสังคมข้าราชการที่ใช้ความ ใจกล้าหน้าด้าน เป็นอาวุธ แค่คนแรกก็มากพอแล้ว ดันมีคนที่สองโผล่มาอีก
นายมานพ เขียนจดหมายน้อยถึงสื่อ เกี่ยวกับคดีที่เขาโดนอยู่ในเวลานี้ ว่า ยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด แต่เรื่องทั้งหมด เป็นการกลั่นแกล้งให้พ้นจากตำแหน่ง
โดยมีสาเหตุมาจากการที่เคยเบิกความในคดีสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อผู้บริหารในกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งนัยยะแฝง ของนายมานพ ก็น่าจะหมายถึง คดีนักโทษเทวดาชั้น 14 ทั้งที คําให้การของนายมานพ ส่วนใหญ่ก็เป็นลักษณะโบ้ยว่าไม่รู้เรื่อง อ้างว่าตัวเองมาเป็น ผบ. เรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังเกิดเรื่อง
นายมานพยังอ้างกับสื่อด้วยว่า ได้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติการณ์ เรียกรับผลประโยชน์หลายคน ซึ่งได้ส่งส่วยไปยังผู้บริหารในกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ทำให้มีผู้ไม่พอใจอย่างมาก นำมาสู่การกลั่นแกล้ง แก้แค้นและตัดตอน ไม่ให้นายมานพตรวจสอบการกระทำหลายเรื่องในกรมราชทัณฑ์
รูปประโยคนี้ต้องบอกว่า โคตรจะ ก๊อปปี้บิ๊กโจ๊ก คงเพราะนายมานพ เห็นว่า การพูดใหญ่พูดโตแบบบิ๊กโจ๊ก มันปั่นกระแสความเชื่อของผู้คนได้ โดยเฉพาะโซเชียลที่ไร้สติ แยกแยะคนดีคนชั่วไม่ออก
นายมานพแจ้งต่อสื่อด้วยว่าเขายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ต้องให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา พร้อมกันนี้ เขาให้ทนาย ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ยุติการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด
วิธีการนี้ก็คือ ลอกบิ๊กโจ๊กเต็ม ๆ เช่นกัน เพราะ ป.ป.ช. ยุคเสื่อม อย่างทุกวันนี้ ได้กลายเป็นที่พึ่งที่หวังของคนทำผิดกฎหมายไปเสียฉิบ แทนที่จะกลัว กลับรัก ป.ป.ช. ตามๆ กัน
ความเคลื่อนไหวนี้ของนายมานพ เผยให้เห็นตัวตนของเขาว่า เขาเป็นคนที่ จำแนกแยกแยะถูกผิดไม่ได้เลย อีกทั้งยังพุ่งเป้าล้างแค้นคนที่นำทีมจับกุม แบบว่ากูตาย มึงก็ต้องตายด้วย
ซึ่งตรงนี้ก็ต้องโทษกระทรวงยุติธรรมเอง ซึ่งส่งเสริมนายมานพให้มา รับตำแหน่งสำคัญอย่าง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทั้งที่นายมานพเองไม่เคยผ่านงานการเป็นผู้คุมมาก่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สําคัญมาก ของผบ.คุก ทุกแห่ง
ข้ออ้างของนายมานพที่ว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการส่งสาวไปบริการทางเพศให้กับนักโทษนั้น มันไม่มีใครจะเข้าไปจัดฉากได้ แม้แต่ทีมที่บุกเข้าไปลุยค้น ก็รู้แค่ว่า มีเบาะแสในเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะค้นเจออะไร ซึ่งผลก็คือ เจอทั้งสาว ทั้งถุงยาง ทั้งทิชชูเลอะสารคัดหลั่ง
อีกทั้ง ในวันเกิดเหตุ เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งจะเป็นวันห้าม เยี่ยมนักโทษในทุกกรณี แต่ก็ยังมีการปล่อยสาวสวยเซ็กซี่ เข้าไปในคุก โดยที่นายมานพ ก็ขยันจัด เดินทางมาที่คุกในวันอาทิตย์อีกต่างหาก
ในทางสืบสวนของกรมราชทัณฑ์ ทราบแล้วว่า นายมานพ ไม่ได้จัดการเรื่องนี้โดยลำพังคนเดียว แต่มีมือไม้สำคัญ เป็นระดับผู้อำนวยการส่วน ซึ่งเป็นคนประเภทศีลเสมอกัน กับนายมานพ
จะร่ายลีลาเว่อวังอย่างไร สุดท้ายกรรมหรือการกระทำของคนพวกนี้ จะตามไปไม่เลิกรา ไม่ว่าจะบิ๊กโจ๊กหรือนายมานพ