เหลี่ยมทุกดอก
สว.สีน้ำเงิน กอดอำนาจ
ผ่านเกมแก้รัฐธรรมนูญ
สัปดาห์นี้การเมืองในรัฐสภาจะกลับมาเข้มข้น-ร้อนแรงอีกครั้ง เพราะจะมีการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาตั้งแต่ 12 ธ.ค.เป็นต้นไป และตามคิวจะเป็นสมัยประชุมฯรอบสุดท้ายของสภาฯชุดปัจจุบัน หากอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยุบสภาฯ 31 ม.ค. 2569 ซึ่งเท่ากับสภาฯ จะมีเวลาทำงานแค่ประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง แต่หากยุบเร็วกว่านั้น สภาฯ ก็เหลือเวลาทำงานน้อยลงตามไปด้วย
นับแต่นี้เมื่อเปิดสภาฯรอลุ้นกัน จะยุบปลายปีนี้ หรือกลางม.ค.69 หรือจะ 31 ม.ค.69
อย่างไรก็ตาม ก่อนเปิดสมัยประชุม 12 ธ.ค. แต่ก่อนหน้านั้น จะมีการเปิดสมัยประชุมอย่างเป็นทางการสองวัน คือช่วง 10-11 ธ.ค. ที่จะเป็นการประชุมร่วมรัฐสภา ส.ส.-สว. สมัยวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสองเรียงรายมาตรา ตามร่างที่เคาะออกมาจากห้องประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฯ ของรัฐสภา
ซึ่งมีหลักการสำคัญๆ เช่น ให้การยกร่างรธน.ฉบับใหม่ ทำโดยผ่านคณะกรรมาธิการสำคัญสองคณะคือ คณะกรรมาธิการร่างรธน. 35 คน และคณะกรรมการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 คนเช่นกัน โดยการร่างรธน.ฉบับใหม่ ให้นำหมวด 1 และหมวด 2 มาใส่ไว้ทั้งหมดห้ามแก้ไข เป็นต้น
และหลังจากโหวตวาระสองเสร็จ หากจบในวันที่ 11 ธ.ค. ก็จะพักไว้อย่างน้อย 15 วัน ถึงกลับมาโหวตวาระสามอีกครั้ง ที่ฝ่ายพรรคประชาชน-เพื่อไทย ต้องการให้โหวต 29 ธ.ค. แต่ฝ่ายสว.ขอเลื่อนไปโหวต 5 ม.ค. 2569
ประเมินแล้ววาระสองไม่มีปัญหา แต่พีกอยู่ที่วาระสาม เพราะต้องใช้เสียงสว.อย่างน้อย 67 เสียง หากไม่ถึงก็จบ การแก้รธน.ล้มทั้งฉบับ
ไฮไลท์จึงอยู่ที่ “สว.สีน้ำเงิน” จะโหวตอย่างไร ซึ่งขึ้นกับแกนนำพรรคภูมิใจไทยและเนวิน ชิดชอบ ว่าจะปล่อยผ่านหรือคว่ำ
ก่อนถึงวันโหวต ให้จับตาการอภิปรายวาระสอง เพราะตอนนี้มีหัวหอกสว.สีน้ำเงินอย่าง พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ ขอสงวนความเห็นเพื่อสู้ในที่ประชุมรัฐสภา เช่นเดียวกับสว.บางส่วนที่สงวนความเห็นเพื่อ “รักษาอำนาจสว.”
ตัวอย่างข้อเสนอ คือ ให้เขียนบทเฉพาะกาลรับประกันว่า สว.ชุดปัจจุบันอยู่ครบวาระ 5 ปี รวมถึงกรรมการองค์กรอิสระ–ตุลาการศาลรธน. ต้องอยู่ครบวาระ ไม่มีเซ็ตซีโร่
การเมืองอ่านง่ายมาก เพราะคนกลุ่มนี้ถูกสว.สีน้ำเงินโหวตเลือกเข้ามา หากโดนเซ็ตซีโร่ ฐานอำนาจหายหมด จึงต้องกันไว้ก่อน
อีกข้อเสนอคือ ต้องให้ร่างรธน.ใหม่ผ่านด้วยเสียงสว.อย่างน้อย 1 ใน 3 เท่ากับดึงอำนาจ “ปิดหรือเปิดทางรธน.ใหม่” กลับมาอยู่ในมือสว.เอง
เรียกได้ว่า เหลี่ยมทุกดอก เอาไว้ทุกช่องทาง คุมทุกเงื่อนไข เพื่อรักษาอำนาจสภาสูง
แต่ต้องลุ้นว่า หากไม่เป็นไปตามที่ต้องการ สว.สีน้ำเงินจะก่อหวอดคว่ำรธน.ตอนวาระสามหรือไม่