รัฐบาลเขมรพลัดถิ่น “สม รังสี” แถลงเรียกร้องให้ทหารและประชาชนกัมพูชาร่วมกันโค่นล้มรัฐบาลตระกูลฮุน จวกห้ามทหารเขมรตอบโต้ทหารไทย ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ และปกป้องเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติจนกัมพูชาอยู่ในภาวะวิกฤต
วันนี้ (9 ธ.ค.) รัฐบาลกัมพูชาเอกราช 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดกิ่น มีนายสม รังสี นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาเป็นแกนนำได้ออกแถลงการณ์ ดังนี้
รัฐบาลกัมพูชาเอกราช 23 ตุลาคม เรียกร้องให้ทหารเขมรและประชาชนเขมรสามัคคีกันและร่วมกันโค่นล้มตระกูลฮุนในดินแดนกัมพูชา
มีเหตุผลที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้สองประการที่เรียกร้องให้โค่นล้มตระกูลฮุนจากการปกครองแผ่นดินอันเป็นอธิปไตยของเรา :
1. ระบอบการปกครองพนมเปญของตระกูลฮุนได้ใช้ทหารเขมรและพลเรือนเขมรเป็นโล่มนุษย์ อนุญาตให้กองทัพไทยโจมตีดินแดนกัมพูชาได้อย่างอิสระ ขณะที่ฮุนเซนและฮุน มาเนต สั่งทหารเขมรไม่ให้ปกป้องชีวิตหรือปกป้องดินแดนกัมพูชา
มีผู้นำหรือผู้บัญชาการประเทศใดที่ห้ามไม่ให้ทหารแนวหน้าที่ประจำการอยู่บริเวณชายแดนใช้อาวุธเพื่อป้องกันตนเองจากการรุกรานทางทหารจากต่างชาติหรือไม่? เราเห็นได้ว่ามีเพียงผู้นำตระกูลฮุนเท่านั้นที่ทำเช่นนี้
กลยุทธ์การเปิดช่องให้ประชาชนและกองกำลังของเราตกเป็นเป้าโจมตีจากต่างประเทศอย่างง่ายดายเช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ทำให้ทหารและพลเรือนชาวเขมรจำนวนมากต้องสูญเสียชีวิตอย่างไม่เป็นธรรม ทหารเขมรและประชาชนชาวเขมรต้องไม่ยอมให้ผู้นำเสียสละชีวิตพี่น้องของตนเป็นเป้าเล็งอาวุธของประเทศเพื่อนบ้าน
การทำหน้าที่เป็นโล่ให้กับกองกำลังต่างชาตินำมาซึ่งความตาย การบาดเจ็บ และการสูญเสียดินแดนเท่านั้น
2. ระบอบการปกครองพนมเปญของตระกูลฮุนกำลังปกป้องเครือข่ายอาชญากรข้ามพรมแดนอย่างแข็งขัน การปกป้องอาชญากรรมระหว่างประเทศโดยตระกูลฮุนนี้ทำให้กัมพูชาและชาวเขมรตกอยู่ในวิกฤตในทุกภาคส่วน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและการสูญเสียโอกาสในการทำงาน ความเสียหายร้ายแรงต่อการดำรงชีพของประชาชน แผนการหลอกลวงทางการเงิน กับดักหนี้สิน การแพร่ระบาดของยาเสพติด ความไม่มั่นคงทางสังคม และความอยุติธรรมทางสังคม
เมื่อผู้นำตระกูลฮุนปกป้องอาชญากร เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ทำให้ประชาชนกลายเป็นศัตรู
เราขอเรียกร้องให้ทหารเขมร กองทัพ และประชาชนเขมรทั่วประเทศ ร่วมมือกันและยุติการปกครองของตระกูลฮุน หยุดยั้งการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน และร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อทลายเครือข่ายอาชญากรในกัมพูชาที่กำลังทำลายชาติเขมร
ปารีส, 9 ธันวาคม 2568