เสธ.ทบ. ลั่นเพื่อนทหารจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน ชี้เหลืออีก 4 ที่หมาย เฝ้าระวังโดรนกัมพูชาในพื้นที่มากขึ้น ย้ำ ต้องริดรอนขีดความสามารถทหารเขมรเชิงลึกให้หมดสภาพในการคิดที่เข้ามาในดินแดนไทยในอนาคต
วันที่ 9 ธ.ค. 68 ที่จ.อุบลราชธานี รพ. ค่ายสรรพสิทธิ์ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ได้เดินทางมอบเงินช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจ นายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา พร้อมขอให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ววัน ทั้งนี้ ทหารที่บาดเจ็บ มีทั้งถูกสะเก็ดระเบิด ปืน ค. กระสุนปืนเล็ก โดยเล่าสถานสถานการณ์วันที่ปะทะให้ เสธ.ทบ.ฟัง โดยมีทหารจากหน่วยรบพิเศษรายหนึ่งเล่าว่า ตนเองถูกกัมพูชายิงใส่ในระยะ5 เมตรจากที่กำบังซึ่งเป็นโขดหิน ซึ่งขณะนั้นตนเองกำลังใช้บังกะลอ ตอปิโด เจาะทำลายสนามทุ่นระเบิดอยู่ และหากหายจากบาดเจ็บก็พร้อมกลับไปสู้ต่อ
พล.อ.ชัยพฤกษ์ บอกกับทหารที่ได้รับบาดเจ็บว่า ในปัจจุบันเพื่อนทหารกำลังปฏิบัติการในการไล่ยึดพื้นที่ต่างๆ และไม่ต้องห่วง เพราะเราจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน โดยตอนนี้กัมพูชามีการใช้โดรนในพื้นที่มากขึ้นขึ้น สิ่งที่น้องได้ทำมาคือการทำเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างแท้จริง ยืนยันว่าจะยึดคืนให้หมดตอนนี้เหลือ 4 ที่หมาย เพื่อนๆที่อยู่ที่นั่นจะจัดการเอาคืนให้
พล.อ.ชัยพฤกษ์ ให้สัมภาษณ์หลังจากที่เยี่ยมกำลังพลทหารที่บาดเจ็บจากการปะทะทั้งหมด ว่า กำลังพลทั้งหมดที่บาดเจ็บมีทั้งคนที่รับราชการ และเป็นพลทหารเกณฑ์ รวมทั้ง ตชด. ทุกคนปกป้องแผ่นดินไทยแม้จะบาดเจ็บก็ตาม
ในการปฎิบัติหน้าที่แนวปะทะ ทางกองทัพมีแผนปฎิบัติในการดูลาดเลาฝ่ายตรงข้ามและแจ้งเข้ามาเพื่อให้ปรับแผนปฏิบัติหน้าที่ โดยวันแรกกัมพูชาพยายามสร้างภาพว่าไทยเป็นผู้กระทำ ส่งผลให้วันที่สองเขาก็จะสร้างภาพจากการเป็นผู้กระทำก็จะปฏิบัติตอบโต้กับเรา ทางเรามีหลักฐานอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง
เพราะต้นเหตุที่ไทยต้องปกป้องอธิปไตย มาจากวันที่ทหารเราเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย จากการที่กองกำลังของเรากำลังทำถนน ซึ่งเราทำถนนในพื้นที่ดินแดนไทย ส่งผลให้ทหารกัมพูชาไม่พอใจมีการเตือนด้วยเสียง หลังจากนั้นก็ยิงใส่ทหารไทยทันที ขัดแย้งกับกฎการปะทะ ที่ต้องมีการยิงเตือนก่อนไม่ใช่ยิงใส่ อีกทั้งพื้นที่ที่ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยคือพื้นที่ของดินแดนไทย ไทยจึงมีสิทธิ์สมบูรณ์ที่จะตอบโต้กัมพูชา
ยืนยันหลังปะทะวันนี้ถือเป็นวันที่สอง หลายพื้นที่ที่ทหารไทยสามารถครอบครองเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ไม่อยากลงรายละเอียดเนื่องจากอยู่ในยุทธวิธีทางทหาร แต่ในวันที่สองทหารกัมพูชาเริ่มใช้ทั้งโดรนทิ้งระเบิดรวมทั้งอาวุธหนักโจมตีทหารไทยมากขึ้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกไป ทหารกัมพูชาก็ไม่ได้ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งมีการฝังตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นเครื่องยืนยันว่ากัมพูชาไม่เคยพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า การปะทะครั้งนี้จะสิ้นสุดเมื่อใด ขอยืนยันว่า อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเพราะเราต้องคำนึงการปฎิบัติโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนของเราให้มากที่สุด และการปฎิบัติภารกิจต่างๆต้องค่อยๆคืบคลานและใช้ยุทธวิธีต่างๆ และต้องใช้วิธีลิดรอน และทำลายประสิทธิภาพของทหารเขมรให้มากที่สุด เพราะรัฐบาลก็ไฟเขียวอยู่แล้วว่าให้กองทัพปฎิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ เราก็ทำไปตามแผนที่เราได้เตรียมไว้ สัญญาว่าเราจะทำให้เต็มที่
“ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคตต่อไป ครั้งนี้เราจำเป็นต้องลิดรอนขีดความสามารถของเขาไปให้ไกล รวมทั้งขีดความสามารถในเชิงลึกด้วย เพื่อให้เขาหมดสภาพในแนวคิดที่เขาเข้ามาในดินแดนของเรา ด้วยวิธีการต่างๆที่เขาเคยใช้ และให้ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไปในอนาคตจึงทำให้เรามีวิธีการที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนในการปะทะกันรอบก่อน และปี 54
สุดท้ายขออภัยประชาชนที่ทำให้ลำบากต้องอพยพออกจากบ้านพัก โดยขอให้ให้กำลังใจประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพ และขอบคุณประชาชนที่อยู่ศูนย์อพยพที่ให้กำลังใจกับทหาร สัญญาเราจะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศชาติของเราสงบและในอนาคตไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
และกรณีสายสอดแนม ก็ตามที่กองกำลังรักษาความมั่นคงภายในชี้แจง อยากให้ประชาชนทั่วไปในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการของสงครามอยู่แล้ว ต้องมีการใช้สายสอดแนมหรือสายลับ ก็ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและมีอะไรก็แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ทราบ