สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการ–สิทธิประโยชน์ พร้อมยกระดับความมั่นคงชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำการปฏิบัติการทหารยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ คุ้มครองประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ธ.ค.68 ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 11/2568 ซึ่งมีมติสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยแนวหน้า พร้อมเร่งรัดการจัดสรรเบี้ยเลี้ยง สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการให้แก่กำลังพลอย่างถูกต้องและทันท่วงที
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะ และมอบโควตาสิทธิพิเศษทางการศึกษาแก่กำลังพลและครอบครัวทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางวิชาชีพในระยะยาว
ในด้านความมั่นคงชายแดน สภากลาโหมได้สั่งการให้บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ย้ำแนวทางการปฏิบัติของกำลังพลในพื้นที่ ให้ยึดเป้าหมายสูงสุด คือการปกป้องอธิปไตยของชาติ และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน โดยดำเนินการภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิในการป้องกันตนเอง และหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ตรวจพบการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาเข้าสู่พื้นที่ปอยเปต ตั้งแต่ช่วงวานนี้ และเช้าวันนี้ได้มีการใช้อาวุธหนักระดมยิงเข้ามาในดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดน
ต่อมาเมื่อเวลา 11.15 น. ฝ่ายไทยได้ดำเนินการสกัดกั้นการซ่องสุมกำลังของฝ่ายกัมพูชา ภายในโกดังบริเวณนอกตัวเมืองปอยเปต ซึ่งเป็นเป้าหมายทางทหาร เพื่อยับยั้งภัยคุกคามและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน
กระทรวงกลาโหมยืนยันว่า การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และมุ่งปกป้องอธิปไตยของชาติควบคู่กับความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ