xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ใช้เทคนิคตรวจ “โอไมครอน” ด้วยน้ำยาตรวจอัลฟา-เบตา ยัน RT-PCR และ ATK ยังตรวจพบเชื้อได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ก.สาธารณสุข ย้ำ ยังไม่พบสายพันธุ์ “โอไมครอน” ในผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ชี้ วิธี RT-PCR และ ATK ยังใช้ตรวจหาเชื้อได้ เผยใช้เทคนิคตรวจด้วยน้ำยาเฉพาะของสายพันธุ์อัลฟาและเบตา เนื่องจากการกลายพันธุ์มีส่วนเหมือนกัน ระบุ หากพบทั้งคู่มีสิทธิ์เป็นโอไมครอน ช่วยรู้ผลเร็วกว่าการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงกรณีโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่า องค์การอนามัยโลก ยกระดับสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลตัวที่ 5 ทั้งนี้ ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังโดยการตรวจรหัสพันธุกรรมสายพันธุ์ต่างๆ ต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เปิดประเทศเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2564 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับตัวอย่างเชื้อจากผู้เดินทางเข้าประเทศ 75 ตัวอย่าง ตรวจเสร็จแล้ว 45 ตัวอย่าง พบเป็นสายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์ย่อยเดลตาทั้งหมด ส่วนอีก 30 ตัวอย่าง ผลจะออกในเร็วๆ นี้ ล่าสุด ได้นำตัวอย่างเชื้อของผู้เดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go จาก โปแลนด์ รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม มองโกเลีย ไอร์แลนด์ และ ลาว มาตรวจรวม 8 ตัวอย่าง พบเป็นเดลตาและสายพันธุ์ย่อยเดลตา ยังไม่พบสายพันธุ์โอไมครอน

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ในการตรวจหาสายพันธุ์มี 3 วิธี คือ 1. ตรวจ RT-PCR ด้วยน้ำยาเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ เช่น อัลฟา เบตา เดลตา ใช้เวลา 1-2 วัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีน้ำยาเฉพาะของโอไมครอน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ระหว่างการพัฒนา 2. การตรวจตำแหน่งรหัสพันธุกรรมว่าเป็นสายพันธุ์ใด ใช้เวลา 3 วัน และ 3. การถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ใช้เวลานาน 5-7 วัน ทั้งนี้ วิธี RT-PCR เป็นวิธีการตรวจมาตรฐานที่ประเทศไทยและทั่วโลกใช้ สามารถตรวจสายพันธุ์โอไมครอนได้ โดยกำหนดให้มีการตรวจยีนมากกว่า 1 ยีน หรือตรวจยีนมากกว่า 1 ตำแหน่ง ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า สายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ จนมีส่วนทั้งของอัลฟา ที่ตำแหน่ง HV69-70deletion และเบตา ที่ตำแหน่ง K417N จึงให้ตรวจตัวอย่างด้วยน้ำยาเฉพาะอัลฟาและเบตา หากพบผลบวกทั้งคู่มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นโอไมครอน ขณะนี้ได้ประสานศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ ใช้เป็นเทคนิคในการตรวจเพื่อความรวดเร็ว

สำหรับการตรวจด้วย ATK เบื้องต้นยังสามารถใช้ได้ เนื่องจากมีรายงานการศึกษาทางวิชาการ พบว่า การกลายพันธุ์ยังไม่กระทบต่อโปรตีนที่ใช้ในการตรวจ ATK อย่างไรก็ตาม จะประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอให้บริษัทผู้ผลิตหรือนำเข้า ATK แสดงข้อมูลที่บ่งบอกประสิทธิผลในส่วนนี้เพิ่มเติม ส่วนกรณีการตรวจผู้เดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go ที่จะเปลี่ยนจาก RT-PCR มาเป็น ATK นั้น จะมีการทบทวนให้ใช้การตรวจด้วย RT-PCR เหมือนเดิมไปก่อน และกรณีที่พบผลบวกในผู้เดินทางเข้าประเทศทุกระบบ ขอให้ส่งเชื้อมาตรวจรหัสพันธุกรรม เพื่อเฝ้าระวังว่ามีสายพันธุ์โอไมครอนเข้ามาหรือไม่ ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุถึงความรุนแรง ความสามารถในการแพร่หรือการหลบภูมิคุ้มกันของสายพันธุ์โอไมครอนได้ เนื่องจากข้อมูลมีจำกัด เป็นเพียงการสันนิษฐานจากตำแหน่งที่กลายพันธุ์เท่านั้น แต่การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด และใช้มาตรการป้องกัน คือ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ลดกิจกรรมรวมกลุ่มที่ไม่จำเป็น ร่วมกับสถานบริการใช้มาตรการ COVID Free Setting ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อทุกสายพันธุ์ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น