รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “คุณแม่อี๊ท” แม่เลี้ยงเดี่ยวสู้ชีวิต ที่เคยมีอาชีพขับแท็กซี่และต้องเลี้ยงลูกพิการในรถด้วย เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้ถูกโรครุมเร้า จนไม่สามารถขับแท็กซี่ได้อีกต่อไป เธอต้องพยายามทำทุกทาง เพื่อให้มีรายได้ดูแลลูก
"คุณแม่อี๊ท" รัชฎาภรณ์ อิสระ ก่อนหน้าจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอมีอาชีพขับแท็กซี่ เมื่อได้พบคนรู้ใจในอาชีพเดียวกัน จึงตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่แล้ว! เมื่อเธอเริ่มท้อง สามีก็เริ่มเปลี่ยนไป
"เราเคยขับแท็กซี่กลางวัน เขาก็ให้เราไปขับกลางคืน ค่าเช่าแท็กซี่เขาก็ไม่จ่าย …จน ณ วันหนึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่า คนนี้เขาเป็นแฟนกัน เขาอยู่ด้วยกัน เราก็เริ่มทำใจ"
ไม่เท่านั้น หลังคุณแม่อี๊ทต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด สามีก็ออกอาการไม่ต้องการลูกทันที
"พอเขาเห็นลูกปุ๊บ เขาก็บอกกับพยาบาลว่า ไม่เอา(ลูก) จะเอาไปไหนก็ไป เขาไม่เอา (ถาม-ลูกเป็นยังไงตอนที่เราเห็น?) ลูกตัวเล็กมาก นอนอยู่ในตู้ มีแต่สายอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ไม่สามารถหายใจเองได้”
เสียใจ หมอบอก...ลูกจะอายุไม่ยืน!!
“ซี่โครงลูกผิดรูป หลอดลมแฟ่บ ปอดเล็ก หมอบอกต้องค่อยๆ ดูน้องไปนะ ...อาจจะอยู่ได้สักประมาณ 3 เดือน หรือถ้าเราโชคดีก็อาจจะสักขวบหนึ่ง หรือขวบ 6 เดือน เราก็ค่อยๆ ดูไป แต่หมอจะทำเต็มที่”
หัวอกแม่ ไม่อยากให้ลูกอายุสั้น ขอต่อชีวิตให้ลูก ขอแบ่งชีวิตให้ลูกครึ่งหนึ่ง!!
“แม่บอกกับลูกนะ ลูกห้ามตาย ชีวิตแม่จะมีอยู่บนโลกนี้อีกแค่ไหน แม่ไม่รู้ แม่ยกให้ลูกครึ่งหนึ่ง ด้วยฟ้าดินเทวดายมบาลโปรดรู้ ชีวิตข้าพเจ้า จะมีอยู่สักกี่เท่าไหร่ไม่รู้ ขอแบ่งให้ลูกชายครึ่งหนึ่ง ให้เรามีชีวิตบนโลกเท่าๆ กัน”
"โชเฟอร์แม่ลูกอ่อน กระเตงลูกไปด้วยทุกที่ ขับแท็กซี่เลี้ยงลูก"!!
เมื่อต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง ทางเดียวที่คุณแม่อี๊ททำได้ คือ นำลูกไปด้วยทุกที่ที่ขับแท็กซี่ โดยให้ลูกนอนอยู่เบาะข้างๆ และต้องหาวิธีการเพื่อไม่ให้ลูกหล่นจากเบาะเมื่อรถเบรค
ลำพังทำงานหาเงินดูแลรักษาลูก ก็เป็นภาระที่หนักอึ้งอยู่แล้ว แต่คุณแม่อี๊ทยังมีปัญหาสุขภาพซ้ำอีก เมื่อป่วยด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ตั้งแต่หลังคลอดลูก ส่งผลให้เธอเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง ก้าวขาลำบาก
"เราขับแท็กซี่ เวลาเราจะลง เราต้องเอามือยกขาเราลงไปข้างหนึ่งก่อน แล้วค่อยยกอีกขาหนึ่งมา"
ไม่เท่านั้น ตอนหลังคุณแม่อี๊ทยังมีปัญหาเรื่องจอประสาทตาเสื่อมเพิ่มมาอีก ทำให้ไม่สามารถขับแท็กซี่ได้
แม้ชีวิตจะเจอมรสุมสุขภาพคุกคาม แต่โชคดีที่คุณแม่อี๊ทยังมีคุณยายนิตยา (เพื่อนของแม่คุณแม่อี๊ท) ผู้แสนใจดีที่รักเธอและลูกเหมือนลูกหลาน มาร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่ด้วยนับสิบปีแล้ว ช่วยดูแลยามเจ็บป่วย งานอะไรช่วยได้คุณยายช่วยหมด แม้สุขภาพของยายจะมีโรครุมเร้าอยู่เช่นกัน ทั้งไขมันสูง ความดันสูง ฯลฯ
แม้หมอจะเคยบอกให้คุณแม่อี๊ททำใจว่า ลูกจะอายุไม่ยืน แต่ไม่รู้ว่า ด้วยปาฏิหาริย์หรือแรงภาวนาของคุณแม่อี๊ทที่ขอต่ออายุให้ลูก ทำให้วันนี้ น้องน้ำมนต์ (ภาสกร อิสระ) ลูกชาย มีชีวิตอยู่รอดมา 16 ปีแล้ว แต่น้องก็ยังมีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง ทั้งในแง่การเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ เวลาเดินต้องเดินด้วยปลายเท้า เข่ายืดตรงไม่ได้ เดินได้ไม่มาก เพราะมีอาการปวดเข่าปวดขา เวลาอยู่ที่โรงเรียนต้องนั่งวีลแชร์เป็นส่วนใหญ่ โดยอาศัยเพื่อนๆ ช่วยเข็นให้ นอกจากนี้น้องยังมีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ และการหยุดหายใจขณะหลับ
"น้องต้องหาหมอทุกเดือน ตรวจท่อที่หู ตรวจจมูก และตรวจปอด ต้องกินยาแก้แพ้ ภูมิแพ้เช้าเย็น เวลานอนกลางคืน เขาจะเหมือนคนกลั้่นหายใจ เราต้องพยายามจับให้เขานอนท่าใหม่ เขาก็จะหายใจปกติ"
"น้องน้ำมนต์" แม้พิการ แต่เรียนดี!!
ปัจจุบัน น้องน้ำมนต์เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนประเทืองทิพย์วิทยา กทม.นอกจากเรียนเก่งแล้ว ยังมีความสามารถด้านศิลปะและกราฟฟิคดีไซน์ เช่น วาดรูป ออกแบบโลโก้ ฯลฯ การที่น้องมีโอกาสเรียนมาถึง ม.2 ได้ ด้านหนึ่งต้องขอบคุณทางโรงเรียนที่ช่วยลดค่าเทอมให้ เพราะรู้ดีว่า แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างคุณแม่อี๊ทหารายได้ลำบากในการเลี้ยงดูลูก
“ด้วยความที่เขาอยู่กันแค่คุณแม่กับคุณลูก และมีคุณยายด้วย แต่เสาหลักคือแม่ แน่นอนว่า บางทีไปไม่ไหว ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนตั้งแต่ประถมมา เยอะ เราก็เลยมาประชุมกรรมการของโรงเรียนว่า ถ้าเราลดค่าเทอมให้ โรงเรียนไปรอดไหม เคาะไปเคาะมาปั๊บ ไปรอด ประกอบกับน้องเรียนเก่งด้วย ดูแล้ว ดันได้ไหม ดันได้ ดันเลย ลดค่าเทอมส่วนหนึ่ง” จ.ส.ต.ดร.ชัยครุฑ สุพรรณ ผู้บริหารโรงเรียนประเทืองทิพย์วิทยา
ด้านคุณแม่อี๊ท หลังจากขับแท็กซี่ไม่ได้ ได้หันมาหารายได้ด้วยการทำฐานบัวสำหรับรองพระพุทธรูปขาย แต่โรค SLE (แพ้ภูมิตัวเอง) ก็ทำให้คุณแม่ปวดข้อนิ้วมือ ทำให้การหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ บางครั้งทำได้ลำบาก ต้องกินยาตลอด การปวดข้อและไม่มีแรง ทำให้คุณแม่อี๊ททำสิ่งง่ายๆ ยังไม่ได้ เช่น การบิดลูกบิดประตู การเปิดขวดน้ำ และถ้าเมื่อไหร่โรคกำเริบขึ้นมาที่กราม แม่ก็จะเจ็บร้อนข้างใน กินข้าวไม่ได้ ขณะที่เรื่องสายตาของคุณแม่ที่เป็นจอประสาทตาเสื่อมก็แย่ลง
"ถ้าเราไปที่สลัว ก็คือมืดมองไม่เห็นเลย ขี่รถมอเตอร์ไซค์ เราก็ไปช้าๆ หลัง 5 โมงเย็นเราจะไม่ออกจากบ้าน เพราะเราจะไม่รู้แล้วว่า รถสวน รถไป รถจอด จะมองไม่เห็น"
เมื่อการทำฐานบัวรองพระขาย ทำได้ค่อนข้างลำบาก เพราะปวดข้อ คุณแม่อี๊ทจึงแก้ปัญหาด้วยการขายของออนไลน์เพิ่ม เช่น หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ครีม สบู่ ฯลฯ แต่ก็ขายไม่ค่อยได้ ขณะที่น้องน้ำมนต์ก็พยายามช่วยแม่ขาย บางครั้งนำผลงานด้านศิลปะของตนมาขายด้วย แต่ก็ยังขายไม่ค่อยได้อยู่ดี ทำให้รายได้แทบไม่มี
อัตคัตขัดสน-ต้องลุ้นแต่ละวันครอบครัวจะมีข้าวกินหรือไม่?
"เหมือนคนไม่มีรายได้เลย มีกินวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีไหม อย่างเมื่อวานซื้อแกงถุงหนึ่ง ให้ยายกิน ตะกี้ยายก็กินข้าวกับน้ำแกงของเมื่อวาน ซึ่งวันนี้ยังไม่มีกับข้าว แต่แม่ได้บวบมา 2 ลูก ไว้ผัดใส่ไข่ให้ลูกกับยายเย็นนี้ แต่ถ้าข้าวสารหมดปุ๊บ อันนั้นยิ่งเป็นปัญหาใหญ่" รัชฎาภรณ์ อิสระ (อี๊ท) แม่เลี้ยงเดี่ยวสู้ชีวิต
ไม่ว่าการหารายได้จะลำบากแค่ไหน คุณแม่อี๊ทพร้อมจะสู้จนถึงที่สุด สู้เพื่อลูก ลูกที่แม่รักดังดวงใจ และลมหายใจของแม่มีไว้เพื่อลูกเท่านั้น!!
อดถาม "น้องน้ำมนต์" ไม่ได้ว่า แม่เคยเป็นคนแข็งแรง ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ แต่มาวันนี้แม่ป่วย โรค SLE รุมเร้า ทำให้ปวดข้อและไม่ค่อยมีแรง รู้สึกอย่างไร?
"รู้สึกว่า เสาหลักของบ้านเริ่มไม่ค่อยมีแรง เสาจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ สงสารแม่ อยากช่วยดูแลแม่ อะไรที่ผมทำได้ ผมจะช่วยทำไปเรื่อยๆ"
หากท่านใดต้องการช่วยอุดหนุนสินค้าของคุณแม่อี๊ทและน้องน้ำมนต์ ติดต่อได้ที่โทร 095-156-5499 หรือที่เฟซบุ๊ก "อี๊ท คุณแม่ ยอดนักสู้"
หรือหากต้องการช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาหรือทุนในการดำรงชีพ สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี รัชฎาภรณ์ อิสระ เลขที่บัญชี 858-2-03286-7
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ลมหายใจ...เพื่อลูก”
https://www.youtube.com/watch?v=QRYO8Sv4NaQ&t=822s
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อhttps://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อhttps://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos
